×

อนุสรณ์ ฉะรัฐบาลอนุทินตั้ง ครม. ต้นทุนต่ำ คุณสมบัติ ‘ธรรมนัส-สุชาติ’ มีประวัติอื้อฉาว-ผลงานด่างพร้อย ด้านธรรมนัส ยืนยันคุณสมบัติผ่าน

โดย THE STANDARD TEAM
30.09.2025
  • LOADING...

วันนี้ (30 กันยายน) อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายนโยบายรัฐบาล โดยเริ่มต้นด้วยความรู้สึกขัดใจที่ต้องมาอภิปรายรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่ผิดฝาผิดตัว ซึ่งถูกเลือกมาเพียงเพื่อยุบสภา ไม่ใช่เพื่อบริหารประเทศ ดังนั้น การแถลงนโยบายจึงเปรียบเสมือนการทำงานนอกคำสั่ง และเกินกว่าขอบเขตหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาตั้งแต่ต้น

 

อนุสรณ์ชี้ให้เห็นถึงความขัดแย้งในตัวของนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล ที่เคยประกาศว่าจะไม่เป็นนายกฯ ในรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่สุดท้ายก็รับตำแหน่ง นอกจากนี้นายกฯ ยังขัดใจผู้ที่โหวตเลือกโดยประกาศว่าจะบริหารประเทศต่อ ไม่ใช่แค่ยุบสภาตามที่ตกลงกันไว้ อนุสรณ์จึงตั้งชื่อการแถลงนโยบายครั้งนี้ว่า “ขัดใจซ้อนขัดใจ” ซึ่งสะท้อนความสับสนทั้งในตัวผู้แถลงนโยบายและในมุมมองของผู้ที่อภิปราย

 

อนุสรณ์กล่าวอีกว่า นโยบายที่แถลงออกมาถูกวิจารณ์ว่ามีเนื้อหาเบาบาง ไม่มีความแปลกใหม่น่าสนใจ ไม่ว้าว แต่มีเอ๊ะ เป็นเพียงการบอกว่าจะทำอะไร แต่ขาดรายละเอียดว่าจะทำอย่างไรและจะเห็นผลเมื่อใด อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าเอ๊ะ ยิ่งกว่าคือความกล้าของนายกฯ ที่แต่งตั้งรัฐมนตรีหลายคนซึ่งมีประเด็นน่ากังขา ซึ่งรัฐบาลปกติไม่กล้าแต่งตั้ง รัฐมนตรีต้นทุนต่ำ ที่อาจสร้างความเสียหายให้ประเทศ และตั้งฉายาให้คนกลุ่มนี้ว่าเป็น พรรคกล้าหัก ที่พร้อมหักหลังทุกคนเพื่อผลประโยชน์

 

“หักเขาไปหมด หักนายเก่า หักขั้วรัฐบาลเดิม หักพรรคเพื่อไทย เรื่องจิ๊บๆ ท่านหักได้ก็หักไป แต่อย่าหักหลังประชาชน โดยการตั้งรัฐมนตรีต้นทุนต่ำ ที่ไม่ใช่สายการบิน low cost ที่เมื่อท่านตั้งรัฐมนตรีต้นทุนต่ำ ประชาชนจะถามว่าท่านหักหลัง ประชาชนหรือไม่ และราคาที่ต้องจ่ายสูงเกินไปหรือไม่ กับรัฐบาลเฉพาะกิจ ที่กล้าตั้งบุคคลที่มีปัญหามาเป็นรัฐมนตรี ซึ่งคนกลุ่มนี้ ถ้าตั้งพรรค ให้ชื่อว่า ‘พรรคกล้าหัก’ มีสโลแกนว่า หักนายเก่า หักนายใหญ่ หักนายใหม่ หักไม่เว้นใคร เลือกกล้าหัก”

 

อนุสรณ์ได้ยกตัวอย่างรัฐมนตรีที่มีปัญหา 2 คน คนแรก คือ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งมีประเด็นเรื่องคดีในต่างประเทศที่ยังเป็นรอยด่างพร้อย แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่าไม่ขาดคุณสมบัติ แต่ในแง่ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ยังคงเป็นที่กังขาของสังคม นอกจากนี้ยังมีข้อสงสัยเรื่องการถือครองทรัพย์สินและหุ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนมีสิทธิ์ตั้งคำถามถึงความโปร่งใส

 

อีกหนึ่งบุคคลที่ถูกกล่าวถึงคือ สุชาติ ชมกลิ่น ซึ่งมีข้อครหาเรื่องการจัดซื้ออาคารที่ทำการสำนักงานประกันสังคมในราคาสูงเกินจริงสมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมตั้งฉายาว่า ‘สุชาติ เริ่มมีกลิ่น’ อนุสรณ์ด้วยว่า การกระทำของนายกฯ เปรียบเหมือนการปล่อยเสือเข้าป่า โดยให้บุคคลที่มีปัญหาไปบริหารประเทศ และย้ำว่า ความรับผิดชอบทางการเมืองย่อมเหนือกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย ประชาชนจึงไม่อาจไว้วางใจให้ผู้ที่มีประวัติด่างพร้อยมาดูแลอนาคตของชาติได้

 

ธรรมนัส บอก อนุสรณ์ อย่าพูดเอามัน ชี้คุณสมบัติผ่านกระบวนการยุติธรรมแล้ว

 

ด้าน ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลุกขึ้นชี้แจงว่า เรื่องที่อนุสรณ์นำมาพูดเป็นเรื่องเก่าทั้งสิ้น แต่ที่น่าแปลกใจกว่านั้นคือ ก่อนหน้านี้ไม่นานอนุสรณ์เองที่เป็นฝ่ายเดินมาหา แล้วบอกว่า “อยู่บ้านนี้ (พรรคเพื่อไทย) ไม่ค่อยมีความสุข” และอยากจะขอมาร่วมอุดมการณ์ กับพรรคกล้าธรรมของตน ตนจึงไม่เข้าใจว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น กินยาผิดประเภทหรืออย่างไร ถึงได้กลับมาพูดโจมตีแบบนี้

 

ส่วนประเด็นที่คุณสมบัติที่ถูกหยิบยกมาพูดนั้น ร.อ. ธรรมนัสย้ำว่า ทุกเรื่องได้ผ่านกระบวนการยุติธรรมมาทั้งหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริยธรรมที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 9:0 ว่าไม่ขาดคุณสมบัติ หรือเรื่องที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็มีมติเป็นเอกฉันท์เช่นกัน ทุกอย่างมีเอกสารหลักฐานชัดเจน ดังนั้น การนำเรื่องเก่าที่จบไปแล้วมาพูดซ้ำๆ ในสภาจึงไม่ถูกต้อง และตนเองก็ได้ทำงานในหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อย่างเต็มที่จนได้รับคำชมจากอดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ด้วยซ้ำ

 

พร้อมเตือนอนุสรณ์ว่า อย่าพูดเอามัน อย่ากลืนน้ำลายตัวเอง และจำคำพูดของตัวเองไว้บ้าง การที่คุณนำเรื่องราวเก่าๆ มาพูดในลักษณะที่อาจทำให้ตนเสียหาย แม้ในสภาจะมีเอกสิทธิ์คุ้มครอง แต่ถ้าคุณนำไปขยายความข้างนอกรับรองว่า เจอแน่สถานีต่อไปพะเยา เพราะตอนนี้ตนมีคดีที่ฟ้องร้องคนที่พูดให้เสียหายอยู่ที่พะเยากว่า 200 คดีแล้ว

 

ด้าน อนุสรณ์ได้ชี้แจงกลับว่า ตนไม่ได้กล่าวหาว่า ร.อ. ธรรมนัส ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 แต่คำถามของตนนั้นตั้งใจถามไปถึงนายกรัฐมนตรี ในฐานะคนแต่งตั้ง ว่าการตั้งบุคคลที่มีประเด็นข้อสงสัยเช่นนี้เข้ามาดำรงตำแหน่ง ถือว่าสุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ ซึ่งเป็นคำถามถึงมาตรฐานทางจริยธรรม ไม่ใช่ข้อกฎหมาย

 

ส่วนประเด็นที่ ร.อ. ธรรมนัส อ้างว่าผมเคยไปพูดคุยด้วยนั้น ยอมรับว่าเคยคุยกันจริง แต่เป็นการพูดคุยเรื่องงานและนโยบายในฐานะ สส. กับรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้มีความคิดที่จะย้ายพรรคแต่อย่างใด และต้องขออภัยหากทำให้ท่านเข้าใจผิดไป

 

สุดท้ายนี้ ขอยืนยันในสภาแห่งนี้ว่า “อนุสรณ์เสื้อแดง ย่อมแรงฤทธิ์ ไม่เคยคิดจะโยกย้ายไปแห่งไหน อยู่ที่นี่คือภักดี ประชาธิปไตย อยู่เพื่อไทย เพราะหัวใจคือประชาชน”

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising