แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เรียกร้องอิสราเอลให้ดำเนินมาตรการเพื่อปกป้องพลเรือนในฉนวนกาซา ในขณะที่กองกำลังของอิสราเอลยังคงเดินหน้าทิ้งระเบิดโจมตี ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตในกาซาพุ่งสูงขึ้นทะลุ 9,000 คนแล้ว
ข้อเรียกร้องของบลิงเคนมีขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (3 พฤศจิกายน) ก่อนที่เขาจะเข้าพบประธานาธิบดีไอแซก เฮอร์ซ็อก ของอิสราเอล โดยการเยือนอิสราเอลครั้งล่าสุดนี้นับเป็นครั้งที่สองในรอบไม่ถึงหนึ่งเดือน โดยมีจุดประสงค์เพื่อแสดงการสนับสนุนพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐฯ ในปฏิบัติการตอบโต้กลุ่มติดอาวุธฮามาสที่เปิดฉากโจมตีชุมชนทางตอนใต้ของอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปราว 1,400 คน และจุดชนวนให้เกิดสงคราม
บลิงเคนย้ำว่า อิสราเอลมีสิทธิ์ “ทำทุกอย่างที่เป็นไปได้” เพื่อให้แน่ใจว่าการโจมตีดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นอีก แต่ขณะเดียวกันก็กล่าวเสริมด้วยว่า การปกป้องพลเรือนที่ติดอยู่ท่ามกลางการโจมตีของกลุ่มฮามาสเป็นเรื่องสำคัญมาก “จะต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องพวกเขา และนำความช่วยเหลือมาสู่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างที่สุด ซึ่งไม่ได้มีส่วนต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมเลยแม้แต่น้อย”
วอชิงตันปฏิเสธเสียงเรียกร้องจากชาติอาหรับและชาติอื่นๆ ให้หยุดยิงเต็มรูปแบบในการทำสงครามซึ่งดำเนินมา 28 วันแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ แสดงความต้องการให้หยุดการต่อสู้ชั่วคราวเพื่อเปิดทางให้มีการส่งความช่วยเหลือเข้าไปในฉนวนกาซา และเพื่อให้ตัวประกันที่กลุ่มฮามาสจับตัวไปนั้นออกมาจากพื้นที่สงครามได้
อาหาร น้ำมัน น้ำ และยารักษาโรคในฉนวนกาซาประสบภาวะขาดแคลน อาคารต่างๆ พังราบเป็นหน้ากลอง และผู้คนจำนวนมากต้องละทิ้งบ้านเรือนของตนเองเพื่อหนีภัยจากระเบิดที่ยังคงโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง ขณะที่หน่วยงานบรรเทาทุกข์ต่างออกมาเตือนถึงมหันตภัยด้านมนุษยธรรมที่กำลังเกิดขึ้น ท่ามกลางเหตุการณ์สู้รบที่นองเลือดที่สุดในรอบหลายทศวรรษระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์
นอกจากเข้าพบประธานาธิบดีอิสราเอลแล้ว บลิงเคนยังได้พบปะหารือกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู เป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง ก่อนที่ทั้งคู่จะพบกับสมาชิกคณะรัฐมนตรีฉุกเฉินของอิสราเอล ซึ่งจัดตั้งขึ้นหลังการโจมตีของกลุ่มฮามาส
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในฉนวนกาซาระบุว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 9,227 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก นับตั้งแต่อิสราเอลเริ่มการโจมตีทางอากาศอย่างรวดเร็วและรุนแรงบนดินแดนที่เป็นบ้านของประชากรถึงราว 2.3 ล้านคน เพื่อตอบโต้การโจมตีของกลุ่มฮามาสทางตอนใต้ของอิสราเอล
ด้านอิสราเอลระบุว่า กลุ่มฮามาสสังหารผู้คนไป 1,400 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และจับตัวประกันไปได้มากกว่า 240 คน เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งถือเป็นวันที่หายนะที่สุดในประวัติศาสตร์ 75 ปีของอิสราเอล
กองทัพอิสราเอลกล่าวว่า กองทหารและรถถังของตนเผชิญกับทุ่นระเบิดและกับดักขณะบุกเข้าไปในฉนวนกาซา โดยนักรบฮามาสใช้เครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินขนาดใหญ่ในการลอบโจมตีอิสราเอล
รายงานระบุว่า เครื่องบินรบ ปืนใหญ่ และกองทัพเรือของอิสราเอลโจมตีเป้าหมายของกลุ่มฮามาสในชั่วข้ามคืน ซึ่งสามารถสังหารกลุ่มติดอาวุธไปได้หลายคน หนึ่งในนั้นรวมถึง มุสตาฟา ดาลูล ผู้บัญชาการของกลุ่มฮามาส ที่ระบุว่าเป็นผู้ควบคุมการต่อสู้ในฉนวนกาซา แต่ยังไม่มีการยืนยันเรื่องดังกล่าวจากกลุ่มฮามาส
พล.ร.ต. แดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล กล่าวว่า เมืองกาซาซึ่งแต่เดิมเคยเป็นป้อมปราการของกลุ่มฮามาส ถูกล้อมแล้ว
อย่างไรก็ดี อิสราเอลเผยว่ากองทัพสูญเสียทหารไป 23 นายจากการรุกคืบในฉนวนกาซา โดยกลุ่มฮามาสและญิฮาดอิสลามประกาศว่า นักรบของกลุ่มได้จุดชนวนระเบิดเพื่อต่อต้านกองทหารอิสราเอลที่กำลังรุกคืบ ทิ้งระเบิดจากโดรน และยิงปืนครกและจรวดต่อต้านรถถังในสงครามอันดุเดือดรอบๆ อาคารที่ถูกทำลายและกองซากปรักหักพัง
ภาพ: GPO / Handout / Anadolu via Getty Images
อ้างอิง: