จบลงไปแล้วสำหรับการประกวด Miss Universe 2023 ที่ แอนโทเนีย โพซิ้ว พลาดตำแหน่งนางงามจักรวาลไปอย่างน่าเสียดาย แม้เข้าใกล้มงกุฎมากที่สุดในรอบ 35 ปี พร้อมกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในหลายๆ ประเด็น และเป็นอีกครั้งที่แฟนนางงามชาวไทยต้องตั้งคำถามว่าเราจะหานางงามที่พร้อมกว่านี้ได้อีกที่ไหน?
แอนโทเนีย โพซิ้ว เริ่มเป็นที่รู้จักจากการเข้าร่วมในรายการ The Face Thailand หลังจากนั้นในปี 2019 ก็คว้ามงกุฎ Miss Supranational การประกวดนางงามระดับแกรนด์สแลมมาครองได้สำเร็จ เมื่อพ้นจากตำแหน่งแฟนนางงามก็เฝ้ารอให้เธอเข้าประกวดบนเวที Miss Universe Thailand เพราะเห็นศักยภาพที่จะคว้ามง 3 ของ Miss Universe ที่คนไทยรอคอยมานาน และเป็นไปตามคาดว่าเธอคือตัวแทนประเทศไทยไปประกวด Miss Universe 2023
ว่ากันตามตรงแอนโทเนียมีความเหมาะสมในหลายมิติ ทั้งรูปร่าง หน้าตา ประสบการณ์เคยผ่านเวทีใหญ่มาแล้ว ที่สำคัญคือเป็นนางงามไม่ ‘ช็อตไมค์’ ตอบคำถามอย่างมีสติ กินใจในทุกระดับการประกวด อีกอย่างคือความเป็น Global Citizen จากการที่เคยไปใช้ชีวิตในหลากหลายวัฒนธรรม ซึ่งเมื่อผนวกเข้ากับบริบทเวที Miss Universe ในปีนี้ที่โอบรับความหลากหลาย ทำให้เธอคือตัวแทนสายสะพายไทยที่สมบูรณ์แบบ
การประกวด Miss Universe 2023 ที่เอลซัลวาดอร์ เป็นปีสุดท้ายในฐานะประธานองค์กร Miss Universe ของ Paula Shugart และถือเป็นจุดเริ่มต้นของการประกวดยุคใหม่ เพราะเป็นครั้งแรกที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วและบุคคลข้ามเพศเข้าร่วมประกวดได้ โดยมีตัวแทนจากกัวเตมาลา และโคลอมเบีย ที่เป็นคุณแม่ และตัวแทนจากเนเธอร์แลนด์ และโปรตุเกส ซึ่งเป็นผู้หญิงข้ามเพศ นอกจากนี้ยังมีตัวแทนจากเนปาลที่มาพร้อมกับรูปร่างแบบสาวพลัสไซส์ ที่สำคัญ 3 ใน 5 คนนี้ทะลุเข้าไปสู่รอบ 20 คน และ 5 คนสุดท้ายเสียด้วย เรียกได้ว่าการประกวด Miss Universe 2023 โอบรับความหลากหลายอย่างที่ว่าไว้จริงๆ
ย้อนกลับมาที่แอนโทเนีย ก็เรียกได้ว่าเธอทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งก่อนเข้ากองประกวด ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปถึงเอลซัลวาดอร์เป็นคนแรก เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ พบปะผู้คนจนกลายเป็นที่รักของชาวเอลซัลวาดอร์ รวมทั้งบนเวทีทั้งในรอบพรีลิมและชุดประจำชาติ เมื่อผนวกเข้ากับโพลจากหลายๆ สำนักที่เก็งว่ามงจะลงที่แอนโทเนีย ก็ทำเอาแฟนนางงามไทย ‘ใจแม่มา’ กันถ้วนหน้า
อย่างไรก็ตาม ชื่อของ Sheynnis Palacios สาวงามจากนิการากัว คือคู่แข่งที่น่ากลัวของแอนโทเนียในแทบทุกโพล จนกระทั่งถึงรอบไฟนอล Palacios ก็ใช้ความเป็นละตินซื้อใจคนในฮอลล์จนเสียงเฮดังกระหึ่ม และเมื่อตัวแทนเอลซัลวาดอร์ไม่ผ่านเข้ารอบ Palacios ก็ซื้อใจเจ้าภาพด้วยชุดราตรีสีขาวที่มาพร้อมเครปสีฟ้า สื่อสารถึงสีธงชาติของนิการากัวและเอลซัลวาดอร์ซึ่งมีสีฟ้า-ขาวเหมือนกัน แม้แฟนนางงามจะเห็นพ้องต้องกันว่าเครปสีฟ้าคือความรุงรัง…แต่มันใช้ได้ผล
ขณะที่รอบตอบคำถาม 5 คนสุดท้าย แอนโทเนียได้คำถามในประเด็นการบูลลี่ว่า ถ้ามีโอกาสได้พูดกับเด็กที่ถูกบูลลี่ในโลกออนไลน์จะพูดว่าอะไร ซึ่งคำตอบก็ออกมากินใจในแบบที่เธอทำได้มาตลอด
“อย่าไปฟังถ้อยคำที่คนอื่นบูลลี่เรา เพราะทุกคนมีความเห็นของตัวเอง แต่มันขึ้นอยู่กับเราว่าจะแสดงออกแบบไหน โต้ตอบอย่างไร จงใช้เสียงของเรายืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง และเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เราอยากเห็นในโลก อย่าฟังถ้อยคำที่เกลียดชัง เพราะสิ่งนั้นไม่ได้กำหนดให้เราเป็น แต่สิ่งที่กำหนดเราคือวิธีที่เรารับมือและจัดการปัญหา ขอบคุณค่ะ”
ส่วน Palacios ได้คำถามในประเด็นความเป็นผู้นำว่า คุณสมบัติและค่านิยมใดที่ทำให้คุณเป็นผู้นำและเป็นแบบอย่างให้กับผู้อื่น
“คุณสมบัติที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับทั้งฉันและผู้หญิงหลายล้านคนคือความอ่อนน้อมถ่อมตนและสามารถชื่นชมสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ได้ เพราะนั่นคือสิ่งที่มีค่าที่สุด และเป็นแก่นแท้ของการเป็นมนุษย์”
โดย Palacios เลือกใช้ล่ามแปลและหยุดเป็นจังหวะ กลายเป็นประเด็นดราม่าว่ามีเวลาคิดมากกว่าคนอื่น ซึ่งหากย้อนกลับไปดูในรอบนี้ก็จะพบว่าสาวงามจากเปอร์โตรีโกและโคลอมเบียก็ใช้ล่าม และคนหลังก็มีการเว้นจังหวะให้ล่ามแปล เพียงแต่ไม่เว้นยาวนานเท่า Palacios ส่วนรอบ 3 คนสุดท้ายกับคำถามที่ว่า “ถ้าสามารถมีชีวิตอยู่ได้ 1 ปี โดยสวมบทบาทของผู้หญิงคนอื่น คุณจะเลือกใครและเพราะอะไร แอนโทเนียเลือก Malala Yousafzai เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพที่มีอายุน้อยที่สุดในโลก และเคยถูกลอบสังหาร
“เพราะฉันรู้ถึงการต่อสู้ที่เธอต้องเผชิญเพื่อไปถึงจุดที่เธออยู่วันนี้ เธอต้องต่อสู้เพื่อการศึกษาของสตรี เพื่อให้ผู้หญิงทุกคนสามารถยืนหยัดอย่างแข็งแกร่ง เป็นผู้ทำให้สิ่งที่ไม่ดีกลับสว่างสดใส และนำทางด้วยการเป็นแบบอย่าง ถ้าฉันสามารถเลือกใครได้ คนนั้นคือเธอ ขอบคุณค่ะ”
ในขณะที่ Palacios เลือก Mary Wollstonecraft นักเขียนหญิงยุคปฏิวัติฝรั่งเศส และนักต่อสู้เรียกร้องสิทธิสตรีคนแรกๆ ของโลก ผู้ผ่านประสบการณ์ความรุนแรงในครอบครัวที่อาจไม่ได้เป็นที่รู้จักในระดับแมส แต่ก็น่าจะได้ใจกรรมการสายสตรีนิยม
“เพราะเธอเปิดพื้นที่และให้โอกาสผู้หญิงมากมาย สิ่งที่ฉันอยากจะทำคือลดช่องว่างของรายได้ เพื่อให้ผู้หญิงทุกคนได้ทำงานมากขึ้นในทุกสถานที่ที่พวกเธอเลือกทำงาน เพราะไม่มีข้อจำกัดสำหรับผู้หญิง นั่นคือปี 1750 ตอนนี้ในปี 2023 เรากำลังสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง”
และเป็นอีกครั้งที่เรื่องล่ามและเวลาในการตอบกลายเป็นประเด็นดราม่า ซึ่งหากยึดหลักคำตอบแรกในใจ ก็ถือว่าคำตอบของ Palacios เป็นคำตอบที่ฉลาด ลากยาวไปถึงจุดกำเนิดของสิทธิสตรี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอก็ได้ประโยชน์เรื่องเวลาในการเรียบเรียงคำตอบในประโยคต่อๆ มา
สำหรับผู้เขียน ความสวยเป็นเรื่องปัจเจก ส่วนในเรื่องความคิดในการตอบคำถามของทั้งคู่ก็สูสีกันมากกว่าการประกวด Miss Universe หลายๆ ครั้งที่ผ่านมา แต่ในมุมของกองประกวดก็อาจมีประเด็นอื่นๆ ที่ต้องคิดและตัดสินใจ ทำนิการากัวคว้ามงกุฎ Miss Universe มงแรกไปครอง และเป็นการเปิดตลาดใหม่ในประเทศลาตินอเมริกา
ว่ากันตามตรงแอนโทเนียก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่มีที่ติ เพียงแต่ปีนี้อาจไม่ใช่ปีของเรา แม้จะเสียใจและเสียดายก็คงต้องปล่อยผ่านไป สิ่งที่แฟนๆ นางงามน่าจะทำได้คือการต้อนรับการกลับมาของเธออย่างอบอุ่น และขอบคุณที่แอนโทเนียช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตัวแทนของไทยในการประกวดครั้งต่อๆ ไป
เราเคยเสียดายที่ มารีญา พูลเลิศลาภ คว้ามงมาไม่ได้ แล้วก็ได้เจอ อแมนด้า ออบดัม จนเมื่อพลาดมงอีกครั้งเราก็ยังได้เจอ แอนโทเนีย โพซิ้ว ปีหน้าฟ้าใหม่ก็หวังจะได้เจอนางงามที่สมบูรณ์แบบคนใหม่ และหวังในใจลึกๆ ว่าสายสะพายไทยจะได้ไปคว้ามงในดินแดนละตินประเทศเม็กซิโก เหมือนสาวเอเชียจากญี่ปุ่น Riyo Mori เคยทำได้ในปี 2007 มาแล้ว
ภาพ: Miss Universe Thailand, Miss Universe