เมื่อวานนี้ (2 ตุลาคม) เดินทางเข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุประท้วงในอิรัก ประชาชนจำนวนมากต่างลุกฮือต่อต้านรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีอเดล อับดุล มาห์ดี ที่บริหารประเทศมาเป็นระยะเวลาเกือบ 1 ปีเต็ม
โดยเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาการว่างงาน ปรับปรุงบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานที่ประชาชนควรได้รับ รวมถึงยุติปัญหาคอร์รัปชัน โดยทางการอิรักได้ประกาศภาวะฉุกเฉินแล้ว หลังเกิดการปะทะกันจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตรวมแล้วอย่างน้อย 9 ราย
เหตุความรุนแรงนี้ปะทุขึ้นหลังจากที่ก่อนหน้านี้ 1 วัน ประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุม 2 รายเสียชีวิตจากเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนจริงกับประชาชน นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้การลุกฮือเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
นอกจากทางการจะประกาศภาวะฉุกเฉิน ห้ามผู้ใดนำรถยนต์ออกมาใช้หรือออกมาเคลื่อนไหวบนท้องถนน โดยยกเว้นผู้คนที่เดินทางเข้าออกสนามบิน ผู้คนที่ต้องเดินทางเข้าออกโรงพยาบาล และกลุ่มจาริกแสวงบุญแล้ว ทางการยังตัดขาดการเข้าถึงสัญญาณอินเทอร์เน็ตของพี่น้องประชาชน เพื่อพยายามควบคุมสถานการณ์ไม่ให้บานปลายมากยิ่งขึ้น
ทางด้าน บาร์ฮัม ซาลีห์ ประธานาธิบดีอิรัก ระบุว่า “การชุมนุมโดยสันติถือเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญของประชาชนชาวอิรัก กลุ่มคนรุ่นใหม่ในอิรักกำลังรอคอยการปฏิรูปและตำแหน่งงานสำหรับพวกเขา หน้าที่ของเราคือออกนโยบายที่ตอบสนองความต้องการเหล่านั้น”
ภาพ: Ameer Al Mohammedaw / Picture Alliance via Getty Images
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: