Q: ห้ามนักข่าวไลฟ์รายงานสดจริงหรือไม่?
A: รองเลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า ‘ไม่เคยมีมติ’ หรือ ‘คำสั่ง’ ห้ามสื่อทุกสำนักไลฟ์รายงานสดบริเวณถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน แต่เป็นการ ‘ขอความร่วมมือ’ เพราะจะกระทบต่อช่องสัญญาณ
“การไลฟ์สตรีมนั้น ทุกคนสามารถทำได้ และสำนักงาน กสทช. ก็ไม่เคยห้าม และไม่คิดจะห้ามในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องของสิทธิเสรีภาพ แต่อยากให้ทุกคนเข้าใจไปด้วยกันว่า หากมีเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้น ผู้สื่อข่าวทุกคน ควรแชร์ไฟล์ หรือแชร์ข้อมูลซึ่งกันและกัน หรือสลับเวลาให้มีความเหลื่อมกันเล็กน้อย เพื่อให้ช่องสัญญาณเพียงพอต่อการใช้งานในช่วงเวลาที่จำเป็น” ก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ กสทช.
Q: ห้ามเปิดเผยโฉมหน้าหน่วยซีลจริงหรือไม่?
A: พล.ต. คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ให้ข้อมูลกับ THE STANDARD ว่า กรณีห้ามเปิดเผยโฉมหน้าหน่วยซีล ถือเป็นหลักการในทางปฏิบัติ แต่ไม่ได้มีกฎข้อบังคับที่ตายตัว โดยเฉพาะเมื่อต้องส่งเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติภารกิจลับ การเปิดเผยตัวตนอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และคนในครอบครัว
ส่วนในภารกิจช่วยเหลือ 13 ชีวิตในถ้ำหลวงครั้งนี้ ‘ไม่ถือเป็นภารกิจลับ’ ซึ่งหากช่วยเหลือให้ทุกคนปลอดภัยได้ เจ้าหน้าที่หน่วยซีลก็จะถือเป็นฮีโร่ของสังคม การเปิดเผยโฉมหน้าจึงอาจไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับตัวบุคคลแต่ละคนด้วยว่ายินยอมพร้อมใจที่จะเปิดเผยโฉมหน้าหรือไม่
“ถ้าจะอำพรางหน้าเขาก็ยินดี แต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไรนะ เพราะสุดท้ายแล้วถ้าเจอเด็กๆ พวกเขาก็เป็นฮีโร่ มองอีกมุมก็อาจจะไม่ใช่เรื่องลับอะไร เพราะถือเป็นการปฏิบัติงานในเรื่องดีๆ ไม่ใช่ภารกิจลับ”
Q: น้องๆ ที่อดอาหารจะอยู่ในถ้ำได้นานแค่ไหน?
A: ตามหลักการทางโภชนาการ ถ้าอดอาหาร ร่างกายจะดูดซึมอาหารจากแหล่งอาหารที่สะสมไว้ โดยนำกลูโคสซึ่งเป็นน้ำตาลมาใช้เป็นพลังงานให้กับร่างกาย โดยส่วนนี้จะนำมาแปลงเป็นพลังงานได้ 1-2 วัน ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน
จากนั้นร่างกายจะนำเอาคาร์โบไฮเดรต ดึงมาใช้เป็นพลังงานต่อได้อีก 2-3 วัน จึงทำให้อยู่รอดได้ประมาณ 5-6 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคนเช่นกัน
Q: เจ้าหน้าที่ทำอะไรกันอยู่ ทำไมยังช่วยเด็กๆ ออกมาไม่ได้?
A: ตลอดภารกิจทั้ง 6 วัน จากการสังเกตการณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่โดยทีมข่าว THE STANDARD ที่อยู่ในพื้นที่พบว่า อุปสรรคใหญ่ในการช่วยเหลือคือระดับน้ำภายในถ้ำที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยเฉพาะบริเวณอุโมงค์น้ำที่กั้นระหว่างโถงถ้ำกับบริเวณ ‘หาดพัทยา’ ซึ่งมีน้ำท่วมจนมิดเพดานถ้ำ ประกอบกับมีดินโคลนทำให้น้ำมีสีขุ่น ซึ่งหน่วยซีลไม่สามารถดำน้ำผ่านไปได้
ภารกิจสำคัญภายในถ้ำตอนนี้จึงเป็นการเร่งสูบน้ำ เพื่อพร่องน้ำออกจากถ้ำ แต่ก็ทำได้ยากลำบาก เพราะมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง และมีน้ำสมทบเข้ามาตลอดเวลา เครื่องสูบน้ำจึงไม่สามารถทำงานได้ทันปริมาณน้ำที่เพิ่มเข้ามา
อีกความหวังจึงตกอยู่ที่หน่วยลาดตระเวนภายนอกถ้ำที่กำลังค้นหาโพรงถ้ำ หาช่องทางที่จะเข้าไปภายในถ้ำเพิ่มเติม ขณะนี้พบแล้ว 3 โพรง โดย 2 โพรงแรกเป็นทางตัน ส่วนอีกโพรงสามารถเข้าไปได้ประมาณ 60 เมตร แต่ถัดจากนั้นเป็นชั้นหิน-ทรายที่ถูกน้ำกัดเซาะจึงมีความซับซ้อน หากจะส่งเจ้าหน้าที่โรยตัวเข้าไปต้องใช้การขุดเจาะเพื่อทำลายชั้นหิน-ทราย และมีความเสี่ยงที่ถ้ำจะถล่มลงมาได้
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมพิจารณาอีกทางเลือกคือการเจาะโพรงถ้ำด้านข้าง ซึ่งขณะนี้เตรียมส่งโดรนเพื่อทำแผนที่ และกำหนดตั้งค่าเครื่องเจาะ ซึ่งขั้นตอนการเจาะถ้ำจะใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมง เนื่องจากการขนย้ายเครื่องมือเป็นไปอย่างยากลำบากเพราะฝนตกหนักตลอดทั้งวัน
Q: เราสามารถช่วยอะไรทั้ง 13 คนภายในถ้ำได้บ้าง?
A: นอกจากจะคอยเอาใจช่วย และติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดแล้ว สิ่งที่ช่วยได้มากคือการงดแชร์ข่าวลือ ข่าวลวงที่ไม่มีที่มาที่ชัดเจน เนื่องจากจะทำให้เกิดความสับสน และส่งผลต่อขวัญและกำลังใจของเจ้าหน้าที่
ส่วนการบริจาคสิ่งของที่จำเป็นต่อภารกิจสามารถทำได้ แต่ต้องแน่ใจว่าเป็นสิ่งของที่เจ้าหน้าที่กำลังต้องการจริงๆ เท่านั้น โดยมีจุดรับบริจาค 2 จุด คือ 1. องค์การบริหารส่วนตำบลโป่งผา 2. สำนักงานเทศบาลตำบลเวียงพางคำ และหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังบริเวณถ้ำหลวง เพราะจะทำให้การจราจรหนาแน่น และเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่
ส่วนการบริจาคเงิน หลายหน่วยงานยืนยันตรงกันว่า ‘ไม่มีนโยบาย’ รับบริจาคเงินแต่อย่างใด ขออย่าหลงเชื่อผู้ที่แอบอ้างอย่างเด็ดขาด
