วันนี้ (18 ตุลาคม) เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) พร้อมด้วย สุณัย ผาสุข นักวิจัยอาวุโสจาก องค์การฮิวแมนไรตส์วอทช์ (Human Rights Watch) ยื่นคำร้องต่อ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมาย คุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและครอบครัว หลังถูกโจมตีและคุกคามทางออนไลน์อย่างรุนแรง
ทั้งสองยืนยันว่าการยื่นคำร้องเกิดขึ้น จากการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เรียกร้องให้รัฐเคารพและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีที่อินฟลูเอนเซอร์ใช้เครื่องเสียงส่งเสียงรบกวนชาวบ้านในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา
หนังสือร้องเรียนระบุว่าอังคณาและสุณัยขอให้ ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ เพื่อคุ้มครองนักปกป้องสิทธิและครอบครัวจากการคุกคามและข่มขู่เอาชีวิต ทั้งสองขอขอบคุณผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 4 และมาตรา 25 และตามพันธกรณีระหว่างประเทศ เช่น
- ICCPR มาตรา 6 และ 9
- UN Declaration on Human Rights Defenders (1998)
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองยังคงถูกข่มขู่และคุกคามออนไลน์ต่อเนื่อง ด้วยถ้อยคำที่สร้างความเกลียดชัง บิดเบือน และลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จากบุคคลและกลุ่มต่าง ๆ ที่แสดงความคิดเห็น ซึ่งเข้าข่ายความผิดหลายมาตรา ได้แก่ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 332 (หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา) มาตรา 392 (ขู่เข็ญให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน) พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ. 2560 มาตรา 14(3) (การนำเข้าข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งมีลักษณะเป็นการข่มขู่ผู้อื่น)
หนังสือร้องเรียนยังเน้นว่า การกระทำเหล่านี้ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความปลอดภัยของผู้ร้อง ครอบครัว และผู้ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน อีกทั้งสร้างบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวและความเกลียดชัง ซึ่งอาจนำไปสู่อาชญากรรมจากความเกลียดชังร้ายแรง
อังคณาและสุณัยขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะ กองบังคับการปราบปราม และ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ดำเนินการดังนี้
1. ตรวจสอบและสืบสวนข้อเท็จจริงโดยเร่งด่วน : ระบุตัวบุคคลหรือกลุ่มที่ข่มขู่ คุกคาม และเผยแพร่ข้อความผิดกฎหมาย พร้อมดำเนินคดีอย่างโปร่งใส เป็นธรรม
2. จัดมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยเชิงป้องกัน : สำหรับอังคณา ครอบครัว และผู้เกี่ยวข้องกับงานสิทธิมนุษยชน โดยใช้หลัก สิทธิในการได้รับการคุ้มครองจากรัฐ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 25, ICCPR มาตรา 9, และ UN Declaration on Human Rights Defenders (1998) การคุ้มครองควรเป็น เชิงป้องกัน (preventive) และ มีส่วนร่วม (participatory protection) โดยหารือร่วมกับผู้ร้องเพื่อกำหนดรายละเอียดมาตรการและช่องทางการติดต่อที่เหมาะสม
3. รายงานผลการดำเนินการอย่างเป็นทางการต่อผู้ร้อง และสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบได้และเป็นไปตามหลัก ความรับผิดชอบของรัฐ (State Accountability)
ทั้งสองยืนยันว่าการยื่นคำร้องครั้งนี้เป็นไปโดย เจตนาสุจริต เพื่อให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมและป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากการข่มขู่ คุกคาม หรือสร้างบรรยากาศเกลียดชังทางสังคม
คำร้องยังเน้นว่า การคุกคามเหล่านี้ ไม่เพียงกระทบต่อผู้ร้องและครอบครัว แต่ยัง ส่งผลต่อบรรยากาศในการทำงานของนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ทั้งในระดับชุมชนและประเทศ
ขณะที่ปรานม สมวงศ์ จาก Protection International Thailand กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณอังคณาและคุณสุณัย ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่คือภาพสะท้อนของความล้มเหลวของรัฐในการปกป้องผู้ที่ยืนหยัดเพื่อสิทธิมนุษยชน ความจริง และความยุติธรรม รัฐและเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเร่งคุ้มครอง และยุติการคุกคามนักปกป้องสิทธิมนุษยชน เพราะเมื่อผู้ปกป้องสิทธิฯไม่ปลอดภัย ความยุติธรรมของทั้งสังคมก็จะไม่อาจเกิดขึ้นได้