เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 องค์กร Protection International (PI) เปิดเผยว่า แมรี่ ลอว์เลอร์ (Mary Lawlor) ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยสถานการณ์นักปกป้องสิทธิมนุษยชน ได้ออกแถลงด่วน แสดงความกังวลต่อกรณีที่ อังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนของไทย ถูกโจมตีและคุกคามทางออนไลน์อย่างหนัก ภายหลังออกมาเตือนรัฐบาลไทยให้ระวังการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกรณี “อินฟลูเอนเซอร์เปิดรถเครื่องเสียงใส่ชาวบ้านกัมพูชา”
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากกรณี นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวช หรือ ‘กัน จอมพลัง’ นำรถเครื่องเสียงเข้าไปเปิดเสียงเฮลิคอปเตอร์ เสียงเครื่องบิน F-16 และเสียงโหยหวนของ ‘ผี’ บริเวณบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว เพื่อกดดันชาวกัมพูชาที่ไม่ยอมออกจากพื้นที่ ซึ่งเหตุการณ์นี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับชาวบ้านและแรงงานข้ามชาติในพื้นที่ชายแดน
ต่อมา เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2568 อังคณาได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เตือนว่า “การปล่อยให้บุคคลทั่วไปเข้าไปกดดันฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่เช่นนี้ อาจทำให้งานเข้ารัฐบาลเอง โดยเฉพาะในช่วงที่มีความตึงเครียดระหว่างประเทศ การกระทำเช่นนี้อาจขัดต่อพันธกรณีที่ไทยมีต่ออนุสัญญาต่อต้านการทรมาน (CAT) ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคี”
อังคณาระบุเพิ่มเติมว่า “รัฐบาลควรตระหนักว่า การกระทำใดๆ ที่ทำให้เกิดความหวาดกลัวหรือส่งผลกระทบต่อจิตใจของพลเรือน แม้จะเป็นคู่ขัดแย้งในสงคราม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง อาจเข้าข่ายการทรมานทางจิตวิทยา (Psychological Torture) ตามอนุสัญญา CAT อยากฟังว่ารัฐบาลจะชี้แจงเรื่องนี้อย่างไรในเวทีโลก”
นอกจากนี้ อังคณาได้แปลรายงานของ คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนกัมพูชา (Cambodia Human Rights Committee) ซึ่งได้ทำหนังสือถึงข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า มีการเปิดเสียงรบกวนดังกล่าวตั้งแต่ช่วงดึกถึงรุ่งเช้าในพื้นที่จังหวัดบันเตียเมียนเจย ทำให้ชาวบ้านจำนวนมาก โดยเฉพาะสตรี เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และคนพิการ เกิดความหวาดกลัวและไม่สามารถพักผ่อนได้
จดหมายของคณะกรรมาธิการกัมพูชาชี้ว่า การกระทำดังกล่าว “เป็นการยั่วยุและละเมิดข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทย-กัมพูชา” รวมทั้งขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติที่เน้นสันติภาพ สิทธิมนุษยชน และการเคารพอธิปไตยซึ่งกันและกันระหว่างประเทศ
หลังจากโพสต์เตือนของอังคณาถูกเผยแพร่ออกไป เธอกลับตกเป็นเป้าของการโจมตี คุกคาม และข่มขู่เอาชีวิตบนโลกออนไลน์ มีบางกลุ่มพยายามบิดเบือนข้อความของเธอ กล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรมว่า “เข้าข้างกัมพูชา” หรือ “ไม่รักชาติ” พร้อมทั้งพยายามล่าแม่มดต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและองค์กรที่ยึดมั่นในหลักการเดียวกันกับเธอ โดยใช้ถ้อยคำใส่ร้ายและโจมตีการทำงานด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบ
แมรี่ ลอว์เลอร์ ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยสถานการณ์นักปกป้องสิทธิมนุษยชน ได้ออกแถลงผ่านแพลตฟอร์ม X (Twitter), Facebook และ Bluesky ระบุว่า “ดิฉันมีความกังวลอย่างยิ่งต่อรายงานการข่มขู่เอาชีวิตและการโจมตีทางออนไลน์ต่อ อังคณา นีละไพจิตร การปกป้องความจริง ความยุติธรรม และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไม่ใช่อาชญากรรม เธอควรได้รับการคุ้มครอง ไม่ใช่ถูกประณาม”
แมรี่ยังได้แท็กบัญชีของอังคณาและคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสำนักงานสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา เพื่อให้รัฐบาลไทยรับทราบและดำเนินการตามพันธกรณีคุ้มครองอังคณาในด้านสิทธิมนุษยชนที่ไทยเป็นภาคีด้วย