วันนี้ (27 พฤษภาคม) ที่อาคารรัฐสภา อังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวถึงคดีชั้น 14 ของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ศาลฎีกานัดคู่ความไต่สวนวันที่ 13 มิถุนายนนี้
อังคณาระบุว่า ขณะที่ประชาชนยังคลุมเครือ ก็มีกระแสข่าวเรื่องดีลเข้ามามาก ทั้งเรื่องทักษิณและคดีฮั้ว สว. และมีการจับตาว่าทุกอย่างจะจบที่พรรคการเมืองใหญ่คุยกันได้หรือไม่ ส่วนกรณีที่นายทักษิณพักรักษาตัวที่ชั้น 14 เป็นระยะเวลานานนั้น มองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ โดยหยิบยกเหตุการณ์ที่ได้ไปเยี่ยมผู้ป่วยที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ คนไข้ที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ ก็ยังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลทัณฑสถาน แต่ทักษิณไม่ได้มาอยู่ในส่วนของโรงพยาบาลราชทัณฑ์เลย ทำให้ถูกมองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ ดังนั้น ประชาชนจึงจับตาคำสั่งของศาลฎีกาวันที่ 13 มิถุนายนนี้
“รัฐบุรุษที่สำคัญของโลกก็ยังติดคุกได้ แต่ทำไมคุณทักษิณไม่ติดเลยสักวันเดียว ทำให้ชาวบ้านมีความสงสัย” อังคณากล่าว
อังคณาเชื่อว่าคำสั่งของศาลที่จะออกมาในวันที่ 13 มิถุนายนนี้ ไม่ว่าจะทางใดย่อมส่งผลกระทบต่อการเมืองแน่นอน เพราะมีรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เป็นลูกสาวของทักษิณ รวมถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีไปประชุมที่ประเทศมาเลเซีย แต่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียกล่าวชื่นชมทักษิณ ถือเป็นการข้ามหัวนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ทำให้อาจถูกมองว่าทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในรัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้ทำให้กรรมาธิการฯ เห็นว่า มีชนชั้นที่จะทำอะไรก็ได้ในการเลือกปฏิบัติ
เมื่อถามว่า วันที่ 13 มิถุนายนจะเห็นผลที่เป็นแรงกระเพื่อมทางการเมืองจะทำให้เห็นว่านายทักษิณเสียเปรียบหรือได้เปรียบอย่างไรนั้น อังคณากล่าวว่าต้องรู้ว่าศาลสั่งออกมาอย่างไร และทักษิณจะให้การประสานหรือไม่ หรือจะป่วยหนักในวันนั้นหรือไม่ ถ้าหากยังเชื่อว่าอำนาจอธิปไตยศาลจะตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจของฝ่ายบริหารได้ ส่วนตัวหวังว่านายทักษิณจะไปศาล และชี้แจงเรื่องของการรักษาตัวชั้น 14 ซึ่งคนทั่วไปเชื่อว่าไม่ได้ป่วยจริง แม้นายกจะยืนยันว่าป่วยจริง ซึ่งผลจากคำสั่งศาลในวันนั้นอาจทำให้ได้เห็นถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับชั้น 14
ส่วนผลของวันที่ 13 มิถุนายน จะกลับเพิ่มไปถึง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือไม่นั้น อังคณากล่าวว่า ต้องการที่จะรู้จุดมุ่งหมายของพรรคเพื่อไทยว่าต้องการแค่นำทักษิณกลับ และนำยิ่งลักษณ์กลับ โดยที่ไม่ต้องติดคุก และยิ่งลักษณ์ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นประชาชนไม่ได้ประโยชน์ แต่ไปรับปากเรื่องสวัสดิการให้กับประชาชน แต่สุดท้ายกลายเป็นว่ามีความต้องการแค่ให้คนในครอบครัวหรือไม่
สำหรับกรณีที่ทักษิณจะมีปาฐกถาพิเศษที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ในวันนี้ อังคณากล่าวว่า รู้สึกงงมาก จากการให้สัมภาษณ์ของเลขาธิการ ป.ป.ส. โดยอ้างว่าทักษิณประสบความสำเร็จในการปราบปรามยาเสพติด
อังคณาแนะนำให้ไปอ่านรายงานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบ ศึกษา และวิเคราะห์การกำหนดนโยบายปราบปรามยาเสพติดให้โทษและการนำนโยบายไปปฏิบัติจนเกิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ชื่อเสียง และทรัพย์สินของประชาชน ที่มี คณิต ณ นคร เป็นประธาน ซึ่งมีรายงานการอุ้มหายเกี่ยวกับคดียาเสพติดกว่า 3,000 คน ซึ่งไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดได้รับโทษ จึงต้องข้อสังเกตว่าเหตุใดเลขา ป.ป.ส. ถึงมองว่าทักษิณประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติ
ส่วนการเชิญทักษิณแบบนี้ถือเป็นการ ข้ามหัวนายกรัฐมนตรีหรือไม่ อังคณากล่าวว่า ทุกคนมองเช่นนั้น โดยเฉพาะที่ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้เชิญทักษิณมาร่วมงาน อาจจะเป็นการเปิดทางให้พูดชี้แจงเรียกร้องความเห็นใจ ซึ่งสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบันขณะนี้มีมาก จนทำให้เกิดการตั้งข้อสงสัยว่านายกรัฐมนตรีจะรับมืออย่างไร
อังคณากล่าวต่อไปว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหา สว. ปัญหาภายในของวุฒิสภา ที่ไม่กี่วันนี้จะต้องเลือกองค์กรอิสระ และเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ ก็มีทูตสอบถามเรื่องฮั้ว สว. ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นตั้งแต่ทักษิณกลับมาไทย จะดีลหรือไม่ดีล เชื่อว่าทักษิณรู้อยู่แก่ใจ และปัญหาด้านเศรษฐกิจที่ค่อนข้างน่ากังวล ขณะเดียวกัน ปัญหาที่เกิดขึ้น นายกรัฐมนตรีก็ตอบคำถามคล้ายไม่สนใจ เป็นการตอบโต้มากกว่าการชี้แจง และวันนี้ก็ยังไม่เห็นภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรีอย่างที่ควรจะเป็น
“อย่างวันนี้ที่คุณทักษิณออกมาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเกี่ยวกับนโยบาย หรือปัญหาส่วนตัว และที่สำคัญทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นคือนโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลให้คำมั่นตามที่หาเสียงไว้ เช่น การแจกเงินดิจิทัล ไม่ได้ทำเลย เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ก็ไม่คืบหน้า” อังคณาระบุ