×

Angelina Jolie ผู้หญิงแกร่งที่ผ่านร้อนผ่านหนาวในชีวิตท่ามกลางแสงแฟลช

04.06.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

8 MINS READ
  • ตอนเด็ก แอนเจลินาย้ายจากโรงเรียนรัฐ Beverly Hills High School ไปโรงเรียนทางเลือก Moreno Valley High School สำหรับเด็กที่มีปัญหา ตอนนั้นเธอแต่งตัวชุดดำทุกวัน ชอบกรีดตัวเอง เล่นยาเสพติดเกือบทุกประเภท อยู่กินกับแฟนตัวเองในบ้านของแม่ตั้งแต่อายุ 14 ถึง 16 เป็นโรค Anorexia และมีปัญหาทางประสาทที่ต่อมาทำให้เธอเคยคิดฆ่าตัวตายตอนอายุ 19 และ 22
  • ตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่อง Lara Croft: Tomb Raider เป็นต้นมา แอนเจลินาก็ก้าวขึ้นมาเป็นนักแสดงที่เลือกบทได้ง่ายขึ้น และฉลาดในการผสมผสานทั้งหนังฟอร์มยักษ์ฮอลลีวูดและฟอร์มเล็ก
  • แต่คงไม่มีข่าวไหนที่กลายเป็นโมเมนต์ต้องจารึกในประวัติศาสตร์วัฒนธรรมป๊อป กับการที่แอนเจลินาเริ่มคบหาแบรด พิตต์ ในปี 2005 ซึ่งสื่อเรียกคู่นี้ว่า ‘Brangelina’ และเป็นข่าว ‘ทุกวัน’
  • งานอาสาสมัครช่วยเหลือสังคมของแอนเจลินาเป็นตัวอย่างสำคัญของวงการ เช่น งานกับ UNHCR, ก่อตั้งกองทุน Malala Fund กับมาลาลา ยูซาฟไซ นักกิจกรรมทางสังคมชาวปากีสถานในปี 2013 และบริจาคเงินทั้งหมดกว่า 7 ล้านเหรียญของภาพถ่ายลูกคนแรก Shiloh Nouvel Jolie-Pitt ให้ UNICEF ทั้งหมด

แอนเจลินาที่เทศกาลภาพยนตร์ Cannes ปี 2011

 

เมื่อผู้หญิงสักคนตัดสินใจเดินเข้าสู่อุตสาหกรรมฮอลลีวูดเพื่อเป็นนักแสดง เส้นทางความสำเร็จของแต่ละคนก็เป็นสิ่งที่ทำนายกันไม่ได้ คุณอาจดังเป็นพลุแตกในชั่วข้ามคืนจากภาพยนตร์เรื่องแรกที่เล่น หรืออาจต้องเล่นหนังกว่าสิบเรื่องกว่าจะเจอบทที่แจ้งเกิด หรือสำหรับบางคนที่ออดิชันมาเป็นปีๆ ก็ยังได้แค่บทตัวประกอบ ซึ่งในขณะเดียวกันชีวิตหลังการแจ้งเกิดและมีชื่อเสียงก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ต้องดูแลรักษา เพราะต้องอาศัยหลายปัจจัยในการทำให้ชื่อเสียงยังคงอยู่ระยะยาว

 

แต่จะมีนักแสดงหญิงกลุ่มหนึ่งที่จะแจ้งเกิดและทะยานสู่ยอดเขาสูงสุดของวงการฮอลลีวูด จนกลายเป็น ‘สินค้า’ ที่คนไม่ได้ต้องการแค่ผลงาน แต่ต้องการทุกแง่มุมในชีวิตของคุณ ถึงขั้นที่ว่าเท่าไรก็ไม่พอ โดยในประวัติศาสตร์ฮอลลีวูดเราได้เห็น มาริลิน มอนโร, อลิซาเบธ เทย์เลอร์ และ ออเดรย์ เฮปเบิร์น แต่ถ้าในยุคสมัยนี้ก็คงหนีไม่พ้นผู้หญิงที่ชื่อ แอนเจลินา โจลี ที่เกิดมาในแสงแฟลช เติบโตมาในแสงแฟลช และยังคงใช้ชีวิตอยู่ในแสงแฟลช ซึ่งมันได้ช่วยเธอ ทำลายเธอ และทำให้เธอลุกขึ้นมาใหม่ได้เป็นประจำ จนกลายเป็นหญิงเหล็กที่ต้องยกย่อง

 

แอนเจลินา โจลี วอยต์ เกิดเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ. 1975 ที่เมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ภายในครอบครัวที่คุณพ่อจอน วอยต์ กับคุณแม่มาร์เชลีน เบอร์ทรานด์ เป็นนักแสดงทั้งคู่ แต่แค่หนึ่งปีต่อมาทั้งคู่ได้แยกทางกัน ฝ่ายคุณแม่ได้เลี้ยงดูแอนเจลินาและพี่ชาย เจมส์ เฮเวน วอยต์ ด้วยตัวเอง โดยละทิ้งการเป็นนักแสดง

 

แอนเจลินากับครอบครัวและคุณพ่อจอน วอยต์ (ขวาสุด)

 

ภาพ Test Screen ของแอนเจลินา

 

ชีวิตในวัยเด็กของแอนเจลินา ถึงแม้คนจะคิดว่าสวยหรู เพราะเกิดมาท่ามกลางแสงสีเสียงของฮอลลีวูด ทั้งยังเป็นลูกนักแสดงดีกรีเจ้าของรางวัลออสการ์ แต่ในความเป็นจริงกลับสร้างปัญหาต่อจิตใจเธอเป็นอย่างมาก และทำให้เธอมีพฤติกรรมก้าวร้าว อย่างเช่น ย้ายจากโรงเรียนรัฐ Beverly Hills High School ไปโรงเรียนทางเลือก Moreno Valley High School สำหรับเด็กที่มีปัญหา ในตอนนั้นแอนเจลินาแต่งตัวชุดดำทุกวัน ชอบกรีดตัวเอง เล่นยาเสพติดเกือบทุกประเภท อยู่กินกับแฟนตัวเองในบ้านของแม่ตั้งแต่อายุ 14 ถึง 16 เป็นโรค Anorexia และมีปัญหาทางประสาทที่ต่อมาทำให้เธอเคยคิดฆ่าตัวตายตอนอายุ 19 และ 22

 

แต่แม้แอนเจลินาจะนอกคอกแตกต่างจากลูกคนดังที่เติบโตมาในฮอลลีวูดขนาดไหน เธอก็ยังมุ่งหน้าที่จะเป็นนักแสดงมาโดยตลอด ยกเว้นช่วงหนึ่งที่คิดจะไปเป็นสัปเหร่อ โดยแอนเจลินาเคยไปฝึกฝนที่สถาบัน Lee Strasberg Theatre Institute และหนังเรื่องแรกของเธอคือบทตัวประกอบใน Lookin’ To Get Out (1982) ที่คุณพ่อของเธอแสดงและเขียนบท แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา เธอก็ตัดสินใจไม่ใช้ชื่อ-นามสกุล เพราะไม่อยากให้คนติดภาพและกล่าวหาว่าเป็นลูกดารา

 

ในยุค 90s แอนเจลินาได้เล่นภาพยนตร์หลายเรื่อง ทั้ง Hackers (1995), Mojave Moon (1996) และภาพยนตร์โทรทัศน์ George Wallace (1997) ที่ทำให้เธอชนะรางวัลลูกโลกทองคำเป็นครั้งแรก แต่บทที่สร้างชื่อให้เธอในวงการและทำให้คนเริ่มเห็นศักยภาพก็ต้องเป็นภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง Gia (1998) ที่เล่าเรื่องชีวประวัติของนางแบบซูเปอร์โมเดลชาวอเมริกัน Gia Carangi ที่ติดเฮโรอีนและเสียชีวิตจากโรคเอดส์ โดยแอนเจลินาได้คว้ารางวัลลูกโลกทองคำตัวที่สองจากบทนี้ และในปีต่อมาเธอก็ยังรับเล่นบทดราม่าสุดหินในหนังเรื่อง Girl, Interrupted (1999) ของผู้กำกับ เจมส์ แมนโกลด์ (James Mangold) กับบทบาท Lisa Rowe สาวป่วยทางจิต (Sociopath) ซึ่งการแสดงของเธอได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลาม และทำให้โจลีชนะรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม

 

 

ส่วนหนึ่งของโปสเตอร์ภาพยนตร์ของแอนเจลินา

 

ผลงานที่แอนเจลินาเลือกเล่นในยุค 90s ต่างเป็นภาพยนตร์นอกกระแสและเฉพาะกลุ่ม ซึ่งชื่อเสียงของเธอก็ยังไม่ได้ถึงขั้นเมนสตรีมที่คนจะรู้จักกว้างขวาง แต่พอเข้าสหัสวรรษใหม่ เธอก็รับเล่นภาพยนตร์ระดับบล็อกบัสเตอร์ช่วงซัมเมอร์เรื่องแรกของเธอ Gone in Sixty Seconds (2000) กับนิโคลัส เคจ และในปี 2001 บทนำในเรื่อง Lara Croft: Tomb Raider ที่ดัดแปลงจากเกมชื่อดังก็ผลักดันให้ชื่อของเธอทะยานขึ้นไปสู่ระดับเอลิสต์ทันที และทำเงินที่บ็อกซ์ออฟฟิศกว่า 270 ล้านเหรียญ หรือราว 8,600 ล้านบาท

 

ตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่อง Lara Croft: Tomb Raider เป็นต้นมา แอนเจลินาก็ก้าวมาเป็นนักแสดงที่เลือกบทได้ง่ายขึ้นและฉลาดในการผสมผสานทั้งหนังฟอร์มยักษ์ฮอลลีวูดและฟอร์มเล็ก เช่น การ์ตูนเรื่อง Kung Fu Panda (2008) หนังแอ็กชัน Salt (2010) และหนังแฟนตาซี Maleficent (2014) ที่ดึงดูดคนทั่วโลกให้ไปดูในโรงภาพยนตร์และช่วยทำให้ยอดบ็อกซ์ออฟฟิศของเธอสูงถึง 5.9 พันล้านเหรียญ ทั้งยังทำให้แอนเจลินากลายเป็นหนึ่งในนักแสดงที่มีค่าตัวสูงสุดราว 15-20 ล้านเหรียญต่อเรื่อง (ที่ยังไม่รวมค่ากำไรส่วนอื่น)

 

แต่เธอก็ยังรับเล่นหนังดราม่าฟอร์มเล็กอย่าง A Mighty Heart (2007) เกี่ยวกับผู้สื่อข่าว มาเรียน เพิร์ล (Mariane Pearl) หรือหนัง Changeling (2008) ของผู้กำกับ คลินต์ อีสต์วู้ด ที่ถึงแม้ไม่ได้ทำเงินเป็นกอบเป็นกำ แต่ก็มาพร้อมรางวัลและคำชื่นชมที่สำคัญสำหรับนักแสดงฮอลลีวูด ซึ่งที่ผ่านมาเราได้เห็น จูเลีย โรเบิร์ตส์ และเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ เคยทำได้เช่นเดียวกัน แต่ที่ทำให้แอนเจลินาต่างกับสองคนนี้ คือเธอเลือกที่จะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์อีกด้วย เช่น In the Land of Blood and Honey (2011) และ First They Killed My Father (2017) ที่เธอมักเลือกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานทางสังคมของเธอ และเป็นเรื่องราวสำคัญที่ฮอลลีวูดไม่ได้หยิบมาทำ

 

ภาพยนตร์ Mr. & Mrs. Smith (2005)

 

นิตยสาร W Magazine ถ่ายโดย Steven Klein

 

นิตยสาร People ที่แอนเจลินาและแบรดบริจาคเงินทั้งหมดให้การกุศล

 

เรื่องราวความรักของแอนเจลินาถือได้ว่าเป็นดาบสองคมในชีวิตของเธอ และเป็นสิ่งที่ติดตัวแบรนด์ ‘Angelina Jolie’ มาโดยตลอด แง่ดีคือสิ่งนี้ได้ยกระดับโปรไฟล์ของเธอให้เป็นที่รู้จักและอยู่ในกระแสตลอดเวลา ซึ่งช่วยในด้านพลังและเม็ดเงินที่เธอสร้างและนำไปใช้ในงานช่วยเหลือสังคม แต่ในขณะเดียวกัน ข่าวเรื่องราวความรักที่ขึ้นหน้าหนึ่งตลอดก็เป็นการล่วงเลยขอบเขตความเป็นส่วนตัวของเธอและลูกๆ 6 คน ขนาดแค่การไปซูเปอร์มาร์เก็ตยังกลายเป็นมหกรรมย่อมๆ สำหรับสื่อที่ติดตามถ่ายภาพ

 

แต่คงไม่มีข่าวไหนที่กลายเป็นโมเมนต์ต้องจารึกในประวัติศาสตร์วัฒนธรรมป๊อป เท่ากับการที่แอนเจลินาเริ่มคบหาแบรด พิตต์ ในปี 2005 ช่วงที่เขาเลิกรากับภรรยาเจนนิเฟอร์ อนิสตัน และถ่ายภาพยนตร์ Mr. & Mrs. Smith ด้วยกัน สื่อเรียกคู่นี้ว่า ‘Brangelina’ มาตั้งแต่ปี 2005 จนถึงวันนี้ที่ทั้งคู่แต่งงานและแยกทางกัน

 

ความสัมพันธ์ของแอนเจลินาและแบรดตกเป็นข่าว ‘ทุกวัน’ สื่อต้องพยายามขุดคุ้ยอะไรสักอย่างมาเขียน เพราะขายได้และคนจะเข้าไปอ่านตลอด แถมภาพถ่ายปาปารัซซีของทั้งคู่และลูกๆ ก็มีมูลค่าเป็นหลายล้านเหรียญ รวมถึงการที่ทั้งคู่ไปปรากฏตัวบนงานพรมแดงอะไรก็ตามแต่ ในวันรุ่งขึ้นก็จะได้แอร์ไทม์เป็นข่าวอันดับต้นๆ ของรายการแม้แต่ช่องข่าวอย่าง BBC หรือ CNN ซึ่งคู่อื่นอย่าง ทอม ครูซ กับ เคที โฮล์มส์ หรือ เบน แอฟเฟล็ก กับ เจนนิเฟอร์ โลเปซ ก็ยังถือว่าแผ่วกว่า

 

แอนเจลินาที่แคมป์ลี้ภัย Zaatari ของชาวซีเรียในประเทศจอร์แดนในปี 2018

 

แอนเจลินาทำหน้าที่อาสาของ UNHCR ที่ประเทศเซียร์ราลีโอน ในปี 2001

 

 

แอนเจลินา โจลี ออกมาประกาศการตัดสินใจตัดเต้านมและมดลูก เพื่อป้องกันการเกิดมะเร็ง เพราะเธอมีสิทธิ์ตามพันธุกรรมที่จะเป็นโรคดังกล่าว

 

ปิดท้ายด้วยงานอาสาสมัครช่วยเหลือสังคมของแอนเจลินา เธอเป็นตัวอย่างสำคัญของการเป็นนักแสดงแถวหน้าที่รู้ถึงพลังในกำมือตัวเอง และอยากช่วยเหลือประเทศต่างๆ รอบโลกให้พบเจอสันติภาพ ความสุข และพัฒนาตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเพราะภัยธรรมชาติหรือเรื่องราวการเมือง เหตุการณ์ที่เป็นจุดชี้ชนวนให้แอนเจลินามาสนใจในด้านนี้คือช่วงเวลาที่เธอไปถ่ายภาพยนตร์เรื่อง Lara Croft: Tomb Raider ที่ประเทศกัมพูชา และได้สัมผัสปัญหาของบ้านเมืองที่เกิดขึ้นจากสงคราม ซึ่งหลังจากนั้นเธอได้รับเลี้ยงลูกคนแรก Maddox Chivan Jolie-Pitt จากสถานสงเคราะห์ในเมือง Battambang โดยเธอเคยให้สัมภาษณ์ว่า Maddox ทำให้เธอเริ่มมีเสาหลักในชีวิตและจุดมุ่งมั่น เพราะก่อนหน้านั้นเธอใช้ชีวิตแบบโลดโผนและไม่มีสติมาตลอด

 

หลังจากประเทศกัมพูชา แอนเจลินาก็ได้ติดต่อกับทางหน่วยข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เพื่อเรียนรู้ปัญหาของผู้อพยพในประเทศทุรกันดาร ซึ่งเธอก็ได้เดินทางไปมากกว่า 30 ประเทศ เช่น เซียร์ราลีโอนและปากีสถาน เพื่อไปช่วยเหลือและเป็นกระบอกเสียงให้ จนได้รับรางวัลเกียรติยศ Special Envoy จาก UNHCR ในปี 2012

 

นิตยสาร Elle อเมริกา ถ่ายโดย Mariano Vivanco

 

แอนเจลินาที่ประเทศไนโรบี ขณะไปอบรมเรื่องการป้องกันปัญหาล่วงละเมิดทางเพศในปี 2017

 

มากไปกว่านั้นแอนเจลินายังช่วยเหลือปัญหาอื่นๆ ไม่รู้จบ ทั้งไปประเทศซูดานเพื่อช่วยเหลือเรื่อง Darfur, ไปประเทศเฮติตอนพบเจอปัญหาแผ่นดินไหว, เดินทางไปพบหน่วยทหารอเมริกันที่อัฟกานิสถาน, สร้างพื้นที่ป่าสงวนในประเทศกัมพูชา ตั้งตามชื่อลูกชายว่า Maddox Jolie Project, ก่อตั้งกองทุน Malala Fund กับมาลาลา ยูซาฟไซ (Malala Yousafzai) นักกิจกรรมทางสังคมชาวปากีสถานในปี 2013, เปิดศูนย์รักษา Zahara Children’s Center ในประเทศเอธิโอเปีย บ้านเกิดของลูกสาว Zahara ที่จะช่วยรักษาโรค HIV ในเด็ก, สนับสนุนเรื่องสิทธิผู้หญิงมากมายทั่วโลก และเธอยังบริจาคเงินทั้งหมดกว่า 7 ล้านเหรียญของภาพถ่ายลูกคนแรก Shiloh Nouvel Jolie-Pitt ให้ UNICEF ทั้งหมด ส่วนเงินจากภาพถ่ายของลูกแฝด Knox Léon Jolie-Pitt และ Vivienne Marcheline Jolie-Pitt ที่ได้ราว 14 ล้านเหรียญก็มอบให้การกุศล Jolie-Pitt Foundation ที่เธอจัดตั้งกับแบรด พิตต์

 

เส้นทางชีวิตของแอนเจลินา โจลีถือว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาโดยตลอด เราได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งพบเจอเรื่องราวชีวิตที่มนุษย์เราอาจจะเจอกันหมด แต่แค่ชีวิตของเธอถูกเล่นผ่านสปอตไลต์ที่ส่องทุกวินาทีของชีวิต ไม่ว่าจะในบทบาทนักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ ผู้กำกับภาพยนตร์ แม่ลูก 6 หรืองานช่วยเหลือสังคม

 

แน่นอนผู้หญิงคนนี้ไม่ได้หวาน ไม่ได้เพอร์เฟกต์ และเธอยังคงถูกตีค่าต่างๆ นานา จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแวดวงบันเทิง แต่อย่างน้อยสิ่งที่เราไม่สามารถเถียงได้คือคุณความดีที่เธอได้สร้างมา และเป็นตัวอย่างของบุคคลหนึ่งที่รู้ว่า ถึงแม้ตัวเองจะกินอยู่สุขสบายตลอดชีวิตและมีสิทธิ์มีเสียง แต่คนเราก็ควรสร้างโอกาสให้คนอื่นที่ไม่มีกินหรือบ้านให้อยู่ได้มีโอกาสสัมผัสสิ่งนี้เหมือนกัน

 

“We have a choice about how we take what happens to us in our life and whether or not we allow it to turn us. We can become consumed by hate and darkness, or we’re able to regain our humanity somehow, or come to terms with things and learn something about ourselves.” – Angelina Jolie

 

แอนเจลินาที่ประชุม ณ สำนักงานใหญ่ NATO ที่กรุงบรัสเซลส์ ในปี 2018

 

 

It’s bring your mom to work day on the #Maleficent2 set!!!!! ✌?

A post shared by Elle Fanning (@ellefanning) on

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X