ถึงแม้ว่าโลกเทนนิสจะจดจำและพูดถึง ‘Big Three’ ผู้เป็นไม้ใหญ่ที่ไม่ยอมหักโค่นง่ายๆ อย่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ (ผู้แอบมาเยือนประเทศไทยแบบเงียบๆ), ราฟาเอล นาดาล และ โนวัค ยอโควิช แต่สำหรับแฟนเทนนิสอีกมากมายยังมีอีกหนึ่งยอดนักเทนนิสที่อยู่ในใจ
โดยเฉพาะสำหรับชาวยูเค น้อยคนนักที่จะไม่รัก แอนดี เมอร์เรย์ อดีตแชมป์แกรนด์สแลม 3 สมัย
แต่ถึงอย่างนั้นนักเทนนิสวัย 36 ปีก็เริ่มถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสาเหตุมาจากผลงานที่ย่ำแย่ลงทุกวัน จนเริ่มมีการส่งเสียงถึงเมอร์เรย์ว่า “อย่าทำลายตำนานของตัวเองด้วยตัวเองเลยนะ”
เสียงวิจารณ์ดังกล่าวเป็นเหมือนดาบที่แทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจของเมอร์เรย์ จนถึงขั้นต้องตอบโต้อย่างรุนแรง
พร้อมกับคำถามที่น่าสนใจว่า ตกลงแล้ว ‘Legacy’ หรือ ‘ตำนาน’ ที่ถูกต้องนั้น
ความหมายของมันจำกัดอยู่เพียงแค่เรื่องของความสำเร็จเท่านั้นหรือไม่?
ไม่ว่าใครจะจดจำได้หรือไม่ ในช่วงเวลาหนึ่ง แอนดี เมอร์เรย์ ได้ก้าวขึ้นมาสู่จุดสูงสุดของโลกเทนนิสในยุคสมัยที่ยังถูกปกครองด้วยเฟเดอเรอร์, นาดาล และยอโควิช
“นักเทนนิสมือหนึ่งของโลก” คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่สำหรับชาติที่ไม่ได้ผลิตนักเทนนิสระดับสุดยอดออกมามากมายนักอย่างสหราชอาณาจักร (เมอร์เรย์เกิดที่สกอตแลนด์) แม้ว่ารายการวิมเบิลดันจะเป็นสุดยอดรายการแข่งขันที่ทุกคนใฝ่ฝันถึงการลงแข่งขันบนคอร์ตหญ้าในชุดขาวล้วนก็ตาม
น่าเสียดายที่ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ
สำหรับนักเทนนิส ปัญหาอาการบาดเจ็บของร่างกายเป็นของคู่กัน แม้กระทั่งผู้ยิ่งใหญ่อย่างเฟเดอเรอร์ หรือนาดาลเองก็ไม่อาจหนีวัฏสงสารไปได้ ซึ่งคนแรกปิดฉากตำนานของตัวเองไปเป็นที่เรียบร้อย ในขณะที่คนหลังก็กำลังนับถอยหลังให้กับวันเวลาในฐานะนักเทนนิสอาชีพ
แต่กับเมอร์เรย์ อาการบาดเจ็บของเขาเลวร้ายกว่าที่เฟเดอเรอร์หรือนาดาลเผชิญมาก
การบาดเจ็บที่สะโพกเป็นปัญหาเรื้อรังสำหรับนักเทนนิสชาวอังกฤษมานานเกินไป แม้จะเข้ารับการผ่าตัดมาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2018 แต่ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นนัก แม้กระทั่งแค่จะนั่งใส่ถุงเท้ากับรองเท้ายังทำให้เจ็บปวดอย่างมาก ทำให้ในปี 2019 เมอร์เรย์ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญโดยที่ทางเลือกของเขามีไม่มากนัก
พักและพอ ปิดฉากชีวิตการเล่นในระหว่างที่ยังอยู่บนที่สูง ให้ผู้คนจดจำในช่วงเวลาดีๆ ในระหว่างที่ยังไม่ถูกหลงลืม
หรือผ่าตัดเปลี่ยนสะโพกใหม่ แล้วกลับมาพยายามกันดูใหม่โดยที่ไม่มีใครบอกได้ว่าหลังการผ่าตัดเขาจะสามารถกลับมาเล่นได้เต็มที่เหมือนเดิมหรือไม่
แต่ก็เป็นที่ยอมรับและทำใจกันว่าโอกาสจะกลับมาเป็นคนเก่าได้นั้นแทบเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
สำหรับอีกหลายคนอาจเลือกทางแรกที่จะหยุดทุกอย่างเอาไว้ อย่างน้อยก็สามารถใช้ชีวิตได้เยี่ยงคนปกติในช่วงเวลาที่เหลือ แต่สำหรับเมอร์เรย์ เขารักเทนนิสมากเกินกว่าที่จะบอกลาในช่วงเวลานั้น
การผ่าตัดเปลี่ยนสะโพกเกิดขึ้นอีกครั้ง เมอร์เรย์กลายเป็น ‘นักหวดสะโพกเหล็ก’ ที่สามารถกลับมาลงแข่งขันได้อีกครั้ง เป็นนักเทนนิสต่อไป
ที่ไม่เหมือนเดิมคือร่างกายของเขาไม่เหมือนเก่า ไม่ว่าจะพยายามหนักสักแค่ไหนก็ตาม
ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ผลงานของเมอร์เรย์มีแต่สาละวันเตี้ยลง สาละวนจนใจ อย่าว่าแต่การคว้าแชมป์แกรนด์สแลมอีกสักครั้ง หรือการเข้าชิงอีกสักหนให้หัวใจเต้นแรงเลย เขาไม่เคยไปได้ไกลกว่ารอบ 8 คนของแกรนด์สแลมเลย
ใครที่ติดตามก็คงจะพอได้เห็นว่าเมอร์เรย์ไปได้ไม่ไกลนักในเส้นทางแต่ละรายการ ตั้งแต่เป็นมนุษย์สะโพกเหล็กเขาได้แชมป์อีกเพียงแค่ 2 รายการเท่านั้น และหลังปี 2022 ผลงานก็ตกต่ำอย่างน่าใจหาย
เข้าปี 2024 เมอร์เรย์แพ้รวดตกรอบแรก 3 รายการที่ลงแข่ง ทำให้มีแฟนๆ จำนวนหนึ่งมองว่าเขาควรที่จะพอได้แล้ว เพื่อไม่ให้ทุกสิ่งดีๆ ที่สร้างมาเสื่อมเสียไปมากกว่านี้
คำพูดนี้ทำให้เมอร์เรย์ตัดสินใจออกมาตอบโต้ “การที่ผู้กล้าจะลงสนามมันเป็นการทำลายชื่อเสียงเกียรติยศของเขาตรงไหนกัน? นี่เป็นการทำลายตำนานของตัวเองอย่างนั้นหรือ?”
เขายอมรับว่าสภาพของเขาตอนนี้เลวร้ายอย่างมาก และถ้าเป็นคนอื่นก็อาจยอมแพ้ไปแล้วก็ได้
“แต่ผมไม่ใช่คนส่วนใหญ่ และจิตใจของผมก็แตกต่างจากคนเหล่านี้สิ้นเชิง”
เมอร์เรย์ประกาศชัดเจนผ่านการโพสต์บน X ว่า “ผมยังไม่ลาวงการหรอก ผมจะสู้ต่อไป และจะพยายามทำผลงานให้ถึงในระดับที่ผมรู้ว่าผมสามารถทำได้”
ถามว่าเจ้าตัวรู้ไหมว่ามันยาก รู้ไหมว่าการจะกลับไปในระดับเดิมเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ แน่นอนว่าเมอร์เรย์รู้ดีกว่าใคร เพียงแต่การที่มีคนมาตัดสินในสิ่งที่เขากำลังพยายามทำ และเป็นสิ่งที่เขารักว่าเป็นเรื่องที่เลวร้ายเพียงเพราะเขาไม่เป็นผู้ชนะเหมือนในวันวานเป็นเรื่องยากที่จะทำใจยอมรับไหว
สำหรับนักกีฬาจริงอยู่ที่จะมีคนที่ยึดติดกับความสำเร็จและเลือกที่จะหยุดในวันที่ทุกอย่างยังงดงามอยู่
แต่สำหรับเมอร์เรย์ สิ่งที่สวยงามที่สุดสำหรับเขาตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมาคือการต่อสู้อย่างหนัก ลุกขึ้นทุกเช้าไปซ้อมและแข่งขัน เดินทางไปไกลเท่าที่จะไปไหวเพื่อทำในสิ่งที่รัก ยอมแม้แต่จะลงแข่งในรายการระดับล่าง แข่งใกล้บ้านก็เอา
ขอให้ได้เล่นเทนนิสยาวนานขึ้นอีกสักนิดก็พอ ไม่ขออะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว
ดังนั้นใครจะมองว่านักเทนนิสผู้ยิ่งใหญ่ควรจะปิดฉากตำนานของตัวเองอย่างสวยงามก็ไม่เป็นไร ไม่ผิด แต่สำหรับเมอร์เรย์ เขาคิดอีกแบบก็เท่านั้น
ล่าสุดเจ้าตัวกลับมาคว้าชัยชนะแมตช์ที่ 2 ในรอบปี 2024 ด้วยการเอาชนะ เดนิส ชาโปวาลอฟ ได้ในรายการดูไบ หลังจากที่เอาชนะ อเล็กซองเดร มุลเลอร์ ได้ในการแข่งที่โดฮาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ก่อนที่จะส่งสัญญาณถึงอนาคตของเขา
“ผมเหลือเวลาอีกไม่มากนัก แต่ผมจะพยายามให้ดีที่สุดเท่าที่ผมทำได้ในช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่เหลือนับจากนี้”
เมอร์เรย์กำลังบอกทุกคนว่าใกล้หมดเวลาสำหรับเขาแล้ว
ส่วนจะจดจำเขาในฐานะนักเทนนิสสะโพกเหล็กที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ต่อโชคชะตาแต่ตกรอบกระจุย หรือจะจดจำเขาในภาพของคนที่เคยห้ำหั่นกับยอโควิชอย่างดุเดือดในช่วงเวลาหนึ่ง และเคยเป็นมือหนึ่งของโลกในช่วงสั้นๆ
อยากจำแบบไหนก็ได้ ไม่เป็นไร
อ้างอิง: