ภาพของหนูน้อยผมสีน้ำตาลในเสื้อสีแดงที่นั่งอมยิ้มอยู่ในห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง กลายเป็นไวรัลเล็กๆ ที่น่ารักในหมู่แฟนกีฬาทั่วโลกในช่วงวันพุธที่ผ่านมา
เรื่องของเรื่องคือคนเขาสงสัยกันว่าเจ้าหนูที่เห็นในภาพบนอินสตาแกรมเนี่ย คือเจ้าหนูคนเดียวกับที่แสดงในหนังรักอมตะตลอดกาล Love Actually หรือเปล่า?
และที่สร้างความฮือฮาคือ คนที่โพสต์ภาพเจ้าหนูคนนี้คือ แอนดี เมอร์เรย์ ยอดนักเทนนิสชาวสกอตแลนด์ อดีตมือ 1 ของโลก
แน่นอนว่าเอาเข้าจริงก็ไม่ใช่อยู่แล้วครับ แค่เมอร์เรย์ในวัยเด็กนั้นดูคล้ายกับ โธมัส แซงสเตอร์ นักแสดงตัวน้อยในวันนั้นแค่นั้นเอง แต่ก็เป็นเรื่องน่ารักๆ ที่ทำให้ใครหลายคนคงได้หวนคิดถึงความรู้สึกดีๆ ในวันเก่าๆ เมื่อครั้งที่ได้นั่งดูเรื่องราวของความรักที่เกิดขึ้นใน Love Actually อีกครั้ง
พูดแล้วก็นึกถึงเสียงของ ‘โจแอนนา’ สาวน้อยมหัศจรรย์ที่ร้องเพลง All I Want For Christmas is You หวานใจของไอ้หนูแซม (โธมัส แซงสเตอร์) ขึ้นมาไม่ได้ ยังทุ้มอยู่ในใจอยู่เลย
อย่างไรก็ดี สิ่งที่เมอร์เรย์โพสต์บอกแฟนๆ ทั่วโลกของเขานั้นไม่ใช่เรื่องของความทรงจำวัยเด็กที่สวยสดงดงามหรืออะไร เขาแค่อยากจะบอกกับทุกคนว่าตอนนี้เขาบาดเจ็บอยู่ และกำลังคิดถึงสมัยเด็กที่เขาไม่คิดอะไรมากไปกว่าแค่อยากลงไปตีเทนนิสในสนาม
การบาดเจ็บและการรักษา
ข่าวการประกาศถอนตัวของ แอนดี เมอร์เรย์ จากการแข่งขัน Brisbane International ที่ประเทศออสเตรเลีย กลายเป็นข่าวใหญ่ในวงการเทนนิสรับปี 2018 ขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ
เพราะความจริงแล้วการถอนตัวของนักเทนนิสจากการแข่งขันรายการใดก็ตามไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นเรื่องปกติมากด้วยซ้ำ แต่สำหรับกรณีของเมอร์เรย์แล้ว นี่เป็น ‘ข่าวร้าย’ ที่ไม่มีใครอยากได้ยิน
ประเด็นคืออดีตมือ 1 ของโลก (ซึ่งปัจจุบันหล่นมาอยู่อันดับที่ 16) ที่เคยเป็น ‘ฮีโร่’ ของโลกมาก่อนในปี 2016 เผชิญกับอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่สะโพก ที่เริ่มตั้งแต่รายการวิมเบิลดัน จนทำให้ไม่สามารถลงแข่งรายการอาชีพได้เป็นระยะเวลากว่า 5 เดือนในครึ่งหลังของปี 2017
ตลอดช่วงที่ผ่านมา เมอร์เรย์ยืนยันว่าเขาได้พยายามทำทุกวิถีทางแล้วเพื่อที่จะสามารถกลับมาลงเล่นได้อีกครั้ง เขาพบผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาสะโพกมาแล้วหลายคน พยายามทำการรักษาและฟื้นฟูสภาพร่างกายอย่างเคร่งครัด ฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อที่จะกลับมาให้ได้
แต่ผลสุดท้ายคืออาการบาดเจ็บอีกครั้ง และการบาดเจ็บครั้งนี้นำเขามาสู่ทางแยกของชีวิต ทางหนึ่งคือการบำบัดรักษาไปตามอาการ ให้เวลาได้เยียวยาร่างกายมากกว่านี้ เพราะบางทีแค่ความตั้งใจอย่างเดียวอาจไม่พอ หรืออีกทางคือการเข้ารับการผ่าตัดรักษาเพื่อให้หายขาด
สองทางเลือกนี้ ถ้าฟังผิวเผินเหมือนจะเลือกง่ายนะครับ เพราะฟังแล้วการผ่าตัดก็น่าจะเป็นหนทางที่ดี โดยเฉพาะการผ่าตัดรักษานักกีฬาสมัยนี้นั้นวิทยาการก้าวหน้าไปมาก น่าจะมีโอกาสฟื้นตัวกลับมาได้ไม่นาน
แต่เอาเข้าจริงการผ่าตัดรักษาสะโพกนั้นเป็น ‘สิ่งสุดท้าย’ ที่นักเทนนิสจะทำ เพราะผ่าแล้วโอกาสจะกลับมาเล่นได้เหมือนเดิมนั้นน้อยมาก ซึ่งเจ้าตัวเองก็รู้ดี
เรื่องนี้มันยากที่จะทำใจยอมรับ และยากยิ่งกว่าถ้าต้องเสี่ยงเดิมพันกับเส้นทางนี้ ถ้าผ่าเท่ากับเขายอมรับว่าเขาจะไม่มีวันกลับมาเป็นแอนดี เมอร์เรย์คนเก่า เพียงแต่ถ้าไม่ผ่าก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะรักษาหาย หรือมันอาจจะไม่มีวันหายเลยก็เป็นไปได้ มันเลือกยากจนไม่อยากจะเลือก
การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่
มาร์ติน ซามูเอล (Martin Samuel) คอลัมนิสต์คนดังแห่ง Daily Mail กล่าวว่า “มันเร็วเกินไปที่จะกล่าวบทอำลา” สำหรับเมอร์เรย์ โดยเฉพาะในวันที่เรายังได้เห็น ราฟาเอล นาดาล เป็นมือ 1 และโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ที่ลงเล่นสลับกับพักเป็นมือ 2 ของโลกในเวลานี้
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘ความไม่รู้’ กำลังทรมานเมอร์เรย์อย่างร้ายกาจ
ภาพวัยเด็กของเขาเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกลึกๆ ในใจว่า เวลานี้เขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการขอย้อนเวลากลับไปในวัยเยาว์
ไม่ใช่แค่ในช่วงเวลาก่อนที่จะบาดเจ็บ แต่ย้อนกลับไปในจุดเริ่มต้นทุกอย่างอีกครั้ง ซึ่งทุกอย่างนั้นงดงามและไม่มีอะไรที่น่าเจ็บปวด
“ผมไม่ได้ตระหนักในเรื่องนี้เลยจนกระทั่งช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาที่ผมได้รู้ว่าผมรักเทนนิสแค่ไหน” เมอร์เรย์กับความรู้สึกของเขาที่เล่าผ่านโซเชียลมีเดีย ความรู้สึกที่เขาต้องการจะระบายออกมาให้ใครสักคนได้รับฟัง ให้รู้ว่าเขาเจ็บแค่ไหน
อย่างไรก็ดี เมอร์เรย์ไม่ใช่นักกีฬาคนแรกของโลกที่บาดเจ็บเรื้อรังอย่างหนักและต้องเผชิญกับทางเลือกของชีวิตครับ
มีนักกีฬาหลายคนที่ผ่านช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดแบบนี้มาก่อน ในวงการฟุตบอล โรนัลโด (ดั้งเดิม) เคยได้รับบาดเจ็บเอ็นหัวเข่าฉีกขาดถึง 2 ครั้งซ้อน โดยเฉพาะในครั้งที่ 2 นั้นเป็นภาพที่น่าเจ็บปวดและยังติดตาผมอยู่เลย
ในครั้งนั้นนักเตะหมายเลข 1 ของโลกที่เล่นให้กับอินเตอร์ มิลาน ในเวลานั้นเข้ารับการผ่าตัดรักษาเอ็นหัวเข่าที่ฉีกขาดและต้องพักนานร่วมปี จนกระทั่งฟิตพร้อมจะลงสนาม ถูกเปลี่ยนตัวลงสนามท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้อง แต่ในเวลาไม่กี่นาทีโรนัลโดก็บาดเจ็บซ้ำด้วยอาการเดิม และนั่นหมายถึงเขาต้องพักการเล่นไปอีก 1 ปี
แน่นอนว่ามันเจ็บปวดครับ แต่โรนัลโดก็สามารถกลับมาได้ แม้จะไม่เต็มร้อยเท่าเดิมแต่อย่างน้อยเขาก็ยังพิชิตแชมป์โลกได้สำเร็จ และได้รับการจดจำในฐานะ ‘อิล เฟโนเมโน’ หรือนักเตะผู้เป็นปรากฏการณ์มหัศจรรย์
ในวงการกอล์ฟ ไทเกอร์ วูดส์ เองก็ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บเรื้อรังหลายปี จนผู้คนเลิกคิดถึงเขาไปแล้ว แต่ ‘พญาเสือ’ ที่เผชิญกับช่วงชีวิตตกต่ำมาตลอดกลับไม่เคยละความพยายามที่จะกลับมาแข่งขันให้ได้อีกครั้ง
ความพยายามนั้นทำให้มีการคาดกันว่าเราน่าจะได้เห็นชื่อของวูดส์ลงแข่งขัน ‘เป็นปกติ’ ในปี 2018 ได้อีกครั้ง และแน่นอนว่าเป็นไปได้ที่เขาจะกลับมาคว้าแชมป์ให้เราได้ดูอีกสักครั้ง
หรือแม้แต่ในวงการเทนนิสเอง ทั้งมือ 1 และมือ 2 ของโลกอย่างนาดาลและเฟเดอเรอร์เอง ก็ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บเรื้อรังจนแทบลุกขึ้นยืนไม่ไหวมาแล้วทั้งสิ้น
แต่สุดท้ายทั้งสองก็กลับมาได้ ไม่ใช่เพราะการช่วยเหลือจากแพทย์และทีมงาน เพราะพื้นฐานมันต้องมาจากความตั้งใจของตัวเองล้วนๆ
เลย์ตัน ฮิววิตต์ อดีตนักเทนนิสที่เคยขึ้นถึงมือ 1 ของโลกชาวออสเตรเลีย ก็เคยบาดเจ็บที่สะโพกเช่นเดียวกัน และเคยเข้ารับการผ่าตัดถึง 2 ครั้ง! ถึงสุดท้ายฟอร์มการเล่นเก่าจะไม่กลับมา แต่เขาก็เป็นนักเทนนิสที่แฟนๆ รักมากที่สุดคนหนึ่งด้วยการเล่นที่เต็มไปด้วยพลังอันร้อนแรง ซึ่งก็เป็นสไตล์เดียวกับเมอร์เรย์ที่แฟนลูกสักหลาดทั่วโลกหลงรัก
ตัวของเมอร์เรย์เองก็เคยประสบปัญหาอาการบาดเจ็บหนักที่หลัง แต่สุดท้ายเขาก็กลับมาได้ และกลับมาจนได้เป็นมือ 1 ของโลก ด้วยการโค่น โนวัค ยอโควิช (ปัจจุบันก็บาดเจ็บเรื้อรังไม่ต่างกัน) ที่เวลานั้นอยู่ในฟอร์มใกล้เคียงกับคำว่าไร้เทียมทานได้ และเป็นเรื่องราวที่คนทั้งโลกจดจำ
วันนี้ความเจ็บปวดที่ไม่มีที่สิ้นสุดอาจทำให้เขา ‘อ่อนแอ’ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และความท้อถอยสามารถทำให้สายตาที่เคยสุกสกาวกลับมืดบอดมองไม่เห็นหนทางข้างหน้าได้ไม่ยาก
แต่ชีวิตก็เป็นเช่นนี้ไม่ใช่หรือครับ?
เราต่างอยู่บนทางแยกของชีวิตในแทบทุกวันเวลา และสิ่งที่ทำได้คือการก้าวเดินข้างหน้าต่อไปเท่านั้น
สำหรับเมอร์เรย์ ผมเชื่อในหัวใจนักสู้ของเขา ผมเชื่อว่าแม้วันนี้ทุกอย่างจะมืดมนอนธการ แต่อีกไม่นานแสงสว่างจะกลับมาในหัวใจของเขา
ไม่ว่าจะกลับมาเป็น แอนดี เมอร์เรย์ คนเก่าผู้เป็นความภูมิใจของ ‘บริติช’ หรือขอแค่กลับมาเล่นเทนนิสได้อีกครั้ง มันก็จะเป็นเรื่องราวการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ อยู่แค่ว่าจะเล่าขานแบบไหนแค่นั้น
อ้างอิง:
- www.news.com.au/sport/tennis/andy-murray-is-the-kid-from-love-actually/news-story/04ad0c9041f643b0d64b2b0ac02d063f
- www.theguardian.com/sport/2018/jan/02/andy-murray-doubt-australian-open-pulls-out-brisbane-international-tennis
- www.telegraph.co.uk/tennis/2018/01/03/andy-murray-hip-surgery-would-scary-last-resort-says-nick-kyrgios
- www.telegraph.co.uk/tennis/2018/01/02/andy-murray-may-have-degenerative-arthritis-leaving-hip-replacement
- www.foxsports.com.au/tennis/uk-view-andy-murray-may-be-finished-as-we-knew-him-but-could-reinvent-himself-lleyton-hewittstyle/news-story/dfcf8939d47c9fe5269b4c210600512f
- ตลอดชีวิตการเล่น แอนดี เมอร์เรย์ พิชิต 3 แกรนด์สแลม (2 วิมเบิลดัน, 1 ยูเอส โอเพ่น), 2 เหรียญทองโอลิมปิก, 1 แชมป์ เดวิส คัพ และแชมป์เอทีพีรวม 45 รายการ
- นับตั้งแต่ออสเตรเลียน โอเพ่น ปี 2011 จนถึงวิมเบิลดัน 2017 เมอร์เรย์ สามารถทะลุเข้าถึงสัปดาห์ที่ 2 (รอบลึกๆ) ของการแข่งขันแกรนด์สแลมได้เสมอ
- เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เมอร์เรย์เคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาคาดหวังจะเล่นในระดับสูงสุดให้ได้ถึงอายุ 33 หรือ 34 ปี
- การบาดเจ็บที่หลังเมื่อปี 2013 ทำให้ผู้คนเลิกคาดหวังว่าเขาจะกลับมาได้ แต่สุดท้ายเขาก็กลับมาได้อย่างสวยงาม
- แมตช์ล่าสุดที่เขาลงเล่นคือรายการ World Tennis Championship ที่อาบูดาบี เมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยขออาสาลงแข่งแทนยอโควิชที่บาดเจ็บ แม้สุดท้ายจะแพ้ โรแบร์โต เบาติสตา อากุต ในเกมพิเศษที่แข่งขันแค่เซตเดียว 2-6