นักวิเคราะห์เชื่อว่า ในปี 2024 ราคาทองคำจะทำสถิติสูงกว่าในปัจจุบัน และอย่างน้อยคงอยู่เหนือระดับ 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ต่อไป ด้วยแรงหนุนจาก 3 ปัจจัย คือ ปัญหาสงครามที่ยืดเยื้อ แนวโน้มเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะลดอัตราดอกเบี้ย
หลังจากที่ราคาทองคำปรับขึ้นสู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ โดยแตะเหนือราคา 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากสงครามอิสราเอล-ฮามาสที่จุดชนวนให้สินทรัพย์ปลอดภัยเป็นที่ต้องการมากขึ้น ในขณะที่ประตูสู่การลดอัตราดอกเบี้ยเริ่มปรากฏให้เห็นชัดขึ้น ทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เทรนด์การลงทุนของทองคำในปีหน้าจะยังได้รับความนิยมต่อไปในยามที่เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
Heng Koon How หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การตลาดและเศรษฐกิจโลกของ UOB คาดว่า ราคาทองคำภายในสิ้นปี 2024 จะสูงถึง 2,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากการลดลงของค่าเงินดอลลาร์และอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะกลายเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อนราคาทองคำตลอดทั้งปีหน้า
เช่นเดียวกับ Nicky Shiels หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์โลหะมีค่าของ MKS PAMP ที่มีมุมมองบวกต่อทองคำในปีหน้า โดยระบุว่า ปัจจุบันมีการใช้ Leverage กับทองคำน้อยกว่าในช่วงปี 2011 ทำให้คาดการณ์ว่าราคาน่าจะทะลุ 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และจะอยู่แถวระดับ 2,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์
Bart Melek หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของ TD Securities คาดว่า ราคาทองคำจะเฉลี่ยอยู่ที่ 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2024 อาศัยแรงซื้อจากบรรดาธนาคารกลางทั่วโลก
จากการสำรวจล่าสุดโดยสภาทองคำโลก พบว่า 24% ของธนาคารกลางทั่วโลกตั้งใจที่จะเพิ่มทองคำสำรองในอีก 12 เดือนข้างหน้า เนื่องจากพวกเขามีความกังวลต่อเงินดอลลาร์มากขึ้นในฐานะสินทรัพย์สำรอง
นอกจากนี้ Melek ยังเสริมว่า นโยบายผ่อนคลายของ Fed ที่เป็นไปได้ในปีหน้า อาจเป็นอีกกุญแจสำคัญที่จะผลักดันราคาทองคำ โดยอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงมีแนวโน้มที่จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเช่น และค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจะทำให้ทองคำมีราคาถูกลงสำหรับผู้ซื้อจากต่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้มีความต้องการทองคำเพิ่มขึ้น
อ้างอิง: