บริษัทวิเคราะห์ข้อมูล Airfinity ของอังกฤษ เผยรายงานวิเคราะห์ข้อมูลการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ล่าสุดของเหล่าประเทศร่ำรวย ทั้งสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป แคนาดา และญี่ปุ่น โดยคาดว่าประเทศเหล่านี้อาจมีวัคซีนส่วนเกินเหลืออยู่มากกว่า 1.2 พันล้านโดสภายในสิ้นปีนี้
ข้อมูลในรายงานฉบับเต็มที่เตรียมเผยแพร่ในวันพรุ่งนี้ (7 กันยายน) พบว่า ภายในเดือนนี้กลุ่มประเทศร่ำรวยจะมีวัคซีนสะสมไว้ในสต๊อกมากถึง 500 ล้านโดส ซึ่งในจำนวนนี้ 360 ล้านโดสไม่ได้ถูกจัดสรรไว้สำหรับการบริจาคให้แก่ประเทศยากจน
ขณะที่ภายในสิ้นปีนี้ ประเทศเหล่านี้จะมีวัคซีนโควิดส่วนเกินมากถึง 1.2 พันล้านโดส ซึ่งส่วนใหญ่ 1.06 พันล้านโดสนั้นไม่ได้กำหนดไว้สำหรับบริจาค
ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนถึงปัญหาความไม่เท่าเทียมในการจัดหาวัคซีน ซึ่งที่ผ่านมามีผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรด้านสาธารณสุขในหลายประเทศออกมาแสดงท่าทีต่อต้านและประณามความไม่เท่าเทียมในการจัดหาวัคซีนโควิดของประเทศต่างๆ
โดย ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก หรือ WHO กล่าวในการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขของกลุ่มประเทศ G20 เมื่อวานนี้ (5 กันยายน) ว่าปัญหาความไม่เท่าเทียมด้านวัคซีนนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
ซึ่งเขาเผยว่า อัตราการฉีดวัคซีนทั่วโลกที่ฉีดไปแล้วมากกว่า 5 พันล้านโดสนั้น เกือบ 75% เป็นวัคซีนที่ถูกดำเนินการฉีดใน 10 ประเทศ ส่วนประเทศแถบทวีปแอฟริกานั้นมีอัตราฉีดวัคซีนครอบคลุมเพียงประมาณ 2%
ขณะที่ กอร์ดอน บราวน์ อดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร กล่าวประณามกลุ่มประเทศร่ำรวยที่กำลังกักตุนวัคซีนโควิด ในขณะที่ประเทศยากจนประสบปัญหาความลำบากในการจัดหาวัคซีนว่าเป็นการกระทำที่ ‘ไร้คุณธรรม’
ทั้งนี้โครงการแบ่งปันวัคซีน COVAX ที่ได้รับการสนับสนุนจาก WHO เป็นหนึ่งในแนวทางแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมด้านวัคซีน โดยพยายามช่วยเหลือให้ประเทศยากจนเข้าถึงวัคซีนโควิด และมีเป้าหมายจัดหาวัคซีน 2 พันล้านโดส เพื่อแจกจ่ายไปยัง 190 ประเทศภายในปีนี้ ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึง 92 ประเทศรายได้น้อย และคาดว่าจะช่วยให้ประชากรในประเทศเหล่านี้ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 20%
อย่างไรก็ตาม การทำข้อตกลงสั่งซื้อวัคซีนระหว่างประเทศร่ำรวยกับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนต่างๆ ยังส่งผลให้การจัดหาวัคซีนสำหรับโครงการ COVAX เป็นไปอย่างจำกัด และนำไปสู่ปัญหาการกักตุนวัคซีน
ภาพ: Photo Illustration by Pavlo Gonchar / SOPA Images / LightRocket via Getty Images
อ้างอิง: