วันนี้ (23 กรกฎาคม) มงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมาธิการกิจการวิสามัญ วุฒิสภา โดยมี บุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 ตลอดจนสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่เป็นประธานกรรมาธิการสามัญทั้ง 21 คณะ ได้ร่วมประชุมหารืออย่างพร้อมเพรียง
นิฟาริด ระเด่นอาหมัด สว. รองประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติให้คณะกรรมาธิการฯ รับไม้ต่อศึกษาพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม 3 ฉบับจาก 5 ฉบับ ที่ผ่านการรับหลักการจากสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว
ทางคณะกรรมาธิการมีความเห็นพ้องกันอย่างท่วมท้นที่จะไม่รวมผู้ทุจริตคอร์รัปชันเข้าข่ายการนิรโทษกรรมเด็ดขาด
สำหรับคดีความผิดในมาตรา 112 นั้น ยังคงเป็นที่ถกเถียง มีทั้งเสียงเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งจะต้องส่งเรื่องให้ฝ่ายกรรมาธิการไปศึกษาเพิ่มเติมอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อหาข้อสรุปที่รอบคอบที่สุด โดยอาจมีการตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นมากลั่นกรองก่อนนำไปสู่บทสรุปสุดท้ายว่า การนิรโทษกรรมจะครอบคลุมในระดับใด
“ผมมองว่า ทุกประเทศเขาก็จะดูแลประมุข หากไม่กระทำความผิดหรือไม่ละเมิดในส่วนนี้ก็จะไม่เกิดปัญหา ส่วนผู้ที่มองว่า ควรครอบคลุมผู้กระทำผิด มาตรา 112 โดยอ้างว่า เป็นความเห็นทางการเมืองหรือความเชื่อส่วนตัวนั้น ก็มีกรอบในการวินิจฉัยว่ามีเจตนาลบหลู่หรือไม่ ซึ่งฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการตัดสินใจจะมีโอกาสพิจารณาและแยกแยะได้” นิฟาริดกล่าว
สำหรับข้อกังขาว่าร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมทั้ง 3 ฉบับ จะเอื้อประโยชน์เฉพาะกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ กปปส. เท่านั้น นิฟาริดยืนยันว่า ส่วนตัวไม่ได้คิดอย่างนั้น ทุกฝ่ายมีโอกาสเท่าเทียมกัน แต่เน้นย้ำถึงความสำคัญของการดูแลสถาบันฯ อันเป็นประมุขของชาติ โดยจะพิจารณาอย่างละเอียดว่าควรครอบคลุมคดีความผิดทั้งหมดหรือไม่ และต้องมีการกลั่นกรองให้ดี
นอกจากนี้ นิฟาริดยังย้ำจุดยืนส่วนตัวว่า ผู้ที่ทุจริตต่อประเทศชาติหรือองค์กรใหญ่ๆ โดยมีเจตนาชัดเจนและหลักฐานแน่นหนา ไม่ควรได้รับการนิรโทษกรรม