วันนี้ (23 กันยายน) ที่บริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย นำโดย ปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการ ตัวแทนนักกิจกรรมและนักวิชาการที่ถูกตั้งข้อหาฝ่าฝืนพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ฉุกเฉิน รวมตัวกันยื่นหนังสือ ถึงนายกรัฐมนตรีหรือรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ยุติการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และยุติการดำเนินคดีกับผู้ที่แสดงออกทางการเมือง โดยที่ผ่านมามีผู้ที่ถูกกล่าวหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อย่างน้อย 1,467 คน 647 คดี
ขณะที่ทางกลุ่มมองว่า ตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่า ที่ผ่านมา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ได้ทำเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโลก แต่เพื่อกีดกันการแสดงออกของประชาชน และหลังจากโควิดบางลง แต่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังถูกบังคับใช้ และมีการใช้กฎหมายควบคุมการชุมนุมกับประชาชน รวมถึงการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ผ่านมาขัดต่อรัฐธรรมนูญ และเอื้อต่ออำนาจของรัฐบาล สร้างภาระให้กับประชาชน
การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นการใช้ข้อบังคับในภาวะฉุกเฉินเกินความจำเป็น ส่งผลกระทบต่อสิทธิในการมีชีวิต เสรีภาพ และความมั่นคงของบุคคล สิทธิในการแสดงออก รวมถึงสิทธิในการชุมนุมด้วย ดังนั้นทางกลุ่มเห็นว่ารัฐบาลควรที่จะมีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ในเวลาต่อมา สมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนมารับหนังสือ โดยระบุว่า รัฐบาลให้ความสำคัญสิทธิเสรีภาพของประชาชน และข้อเรียกร้องทั้ง 6 ข้อ จะรับไปพิจารณาดำเนินการต่อ
สำหรับข้อเรียกร้องที่ยื่นต่อรัฐบาลวันนี้รวมทั้งหมด 6 ข้อ คือ
- ยุติการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยคำนึงถึงความจำเป็นและความเหมาะสม
- อนุญาตและคุ้มครองให้บุคคลหรือกลุ่มใดๆ สามารถแสดงความเห็นและชุมนุมประท้วงโดยสงบได้ในพื้นที่ปลอดภัย โดยรัฐต้องอำนวยความสะดวกให้
- ยุติการดำเนินคดีอาญากับบุคคลที่แสดงออกและชุมนุมประท้วงโดยสงบ
- ดำเนินการให้มั่นใจว่า เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายที่มีหน้าที่ควบคุมฝูงชนต่างได้รับการอบรมอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับกฎหมายและมาตรฐานสิทธิมนุษยชน
- มาตรการทั้งปวงที่นำมาใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินและการเลี่ยงพันธกรณีด้านสิทธิ ต้องมีเนื้อหาสอดคล้องกับข้อกำหนดในแง่การให้ข้อมูล ความถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงกำหนดให้มีกลไกการตรวจสอบที่เป็นอิสระ
- พิจารณาและปรับปรุง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ให้สอดคล้องกับกติการะหว่างประเทศ และหลักความถูกต้องของกฎหมาย เพื่อนำมาใช้แทน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อประกันความรับผิดและการเยียวยาให้มีประสิทธิภาพ