วันนี้ (9 มกราคม) สุปราณี สถิตชัยเจริญ ผู้อำนวยการกองความร่วมมือและพัฒนามาตรฐาน ในฐานะรองโฆษกประจำสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้สัมภาษณ์กรณีเปิดให้ผู้เสียหายรายคดี บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ยื่นคำร้องเพื่อขอรับคืนหรือชดใช้คืนซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน
สุปราณีกล่าวว่า ตามขั้นตอนการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายแล้วจะต้องยื่นคำร้องพร้อมแสดงหลักฐานต่างๆ ที่ก่อนหน้านี้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินชี้แจงไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยให้ระบุในคำร้องว่าได้รับความเสียหายเป็นมูลค่าเท่าไร รวมถึงเอกสารแจ้งความพฤติการณ์ในคดีว่าได้รับความเสียหายอย่างไร และเป็นผู้เสียหายจริง ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าในคดีดิไอคอนกรุ๊ปมีความเสียหายเป็นวงกว้างและมีรายละเอียดข้อมูล รวมถึงพยานหลักฐานต่างๆ จำนวนมาก ต้องใช้ขั้นตอนการพิจารณาตรวจสอบ โดยสามารถยื่นได้จนถึงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568
ส่วนที่เมื่อวานนี้ (8 มกราคม) มีกลุ่มบอสดาราประกอบด้วย บอสแซม-ยุรนันท์ ภมรมนตรี และ บอสมิน-พีชญา วัฒนามนตรี ได้รับการปล่อยตัวหลังอัยการคดีพิเศษมีคำสั่งไม่ฟ้องนั้น ทรัพย์สินของทั้งคู่ที่ยึดมาได้ก่อนหน้านี้จะต้องทำอย่างไรต่อไป สุปราณีระบุว่า ต้องแบ่งเป็น 2 กรณี คือ คำสั่งไม่ฟ้องในส่วนคดีอาญา และการดำเนินการเรื่องทรัพย์สินในส่วนของคดีแพ่ง ซึ่งในส่วนของทรัพย์สินไม่ได้ตัดสิทธิบุคคลที่เคยถูกดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สิน สามารถจะไปยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อที่จะเป็นขั้นตอนของการดำเนินการตรวจสอบว่าทรัพย์ดังกล่าวไม่ใช่ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ปปง. จะต้องรอในส่วนของรายละเอียดเหตุผลคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการคดีพิเศษหรือไม่นั้น สุปราณีระบุว่า ในส่วนของการตรวจยึดอายัดทรัพย์สินของ ปปง. สิ้นสุดแล้ว ซึ่งการโต้แย้งในเรื่องของทรัพย์สินนั้นเป็นเรื่องที่ต้องไปว่ากันในกระบวนการชั้นศาลแพ่ง เพื่อให้บุคคลนั้นไปยืนยันและโต้แย้งว่าทรัพย์สินที่ได้มาไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเชื่อมโยงธุรกิจดิไอคอนกรุ๊ป
ส่วนการตรวจยึดอายัดทรัพย์สินของ ปปง. ในกรณีที่อัยการคดีพิเศษหรือศาลมีคำสั่งยกฟ้องจะมีผลกระทบหรือไม่ สุปราณีกล่าวต่อว่า การตรวจยึดอายัดทรัพย์สินของ ปปง. ทั้งหมดเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย เพื่อที่จะหยุดยั้งการกระทำความผิด เป็นมาตรการในการยับยั้งไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นตามหลักสากล ซึ่งขั้นตอนของการยึดทรัพย์ทางแพ่งตามกฎหมายการฟอกเงิน เป็นเรื่องที่เจ้าของทรัพย์จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าทรัพย์สินดังกล่าวไม่ได้มาจากการกระทำความผิด ซึ่งแตกต่างจากความผิดทางอาญา ที่เจ้าหน้าที่ต้องเป็นฝ่ายพิสูจน์ในส่วนของทรัพย์สินดังกล่าว