Amazon ย้ำ พนักงานจะทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ได้ดีที่โกดังสินค้าแห่งแรกในนิวยอร์ก

Amazon ถือเป็นผู้นำการใช้หุ่นยนต์อัตโนมัติในธุรกิจมากที่สุดรายหนึ่ง โดยเริ่มนำหุ่นยนต์ของบริษัท Kiva Systems เข้ามาใช้งานในโกดังสินค้าราวปี 2014 ก่อนที่ Amazon จะเข้าซื้อกิจการและเปลี่ยนชื่อมาเป็น Amazon Robotics ปัจจุบันมีหุ่นยนต์มากกว่า 100,000 ตัว ทั่วโลก

ล่าสุด Amazon ได้ประกาศสร้างคลังสินค้าแห่งแรกในนิวยอร์กบนพื้นที่ 79,400 ตารางเมตรของเกาะสแตแทน เพื่อที่จะจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าในนิวยอร์กได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้มีเพียงสาขาในนิวเจอร์ซีย์กับเพนซิลวาเนียเท่านั้น พร้อมกับตั้งเป้าว่าจะจ้างพนักงานประจำ 2,250 ตำแหน่ง และเปิดโอกาสให้คนได้ทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ของ Amazon Robotics อย่างใกล้ชิด

Sanjay Shah รองประธานฝ่ายบริหารจัดการสินค้าและบริการลูกค้า กล่าวว่า “พนักงานที่โกดังสินค้าสาขานี้จะได้ทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ตั้งแต่การเลือกสินค้าตามออร์เดอร์ แพ็กของ และจัดส่งไปยังลูกค้า เช่น ของใช้ในบ้าน หนังสือ และของเล่น”

นอกจากเทคโนโลยีหุ่นยนต์จะเป็นกุญแจสำคัญของระบบจัดการสินค้าและโลจิสติกส์อันเป็นเลิศของอีคอมเมิร์ซยักษ์รายนี้ โอกาสการทำงานกับหุ่นยนต์ยังกลายเป็น ‘จุดขาย’ ของ Amazon ที่ดึงดูดให้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานกับบริษัท ขณะเดียวกันก็สะท้อนให้เห็นถึงทักษะอาชีพที่กำลังจะเปลี่ยนไปในอนาคต เช่น แทนที่พนักงานจะเป็นคนแพ็กของเอง ก็ทำหน้าที่ควบคุมหุ่นยนต์ให้ทำงานตามระบบไปด้วย

The New York Times ชี้ว่า อัตราการจ้างแรงงานทั่วโลกของ Amazon คิดเป็น 3 เท่าของการจ้างงานของบริษัท Microsoft และ 18 เท่าของ Facebook ด้วยซ้ำ และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Amazon ก็เพิ่งประกาศว่าจะสร้างสำนักงานสาขาที่ 2 หรือ HQ2 บริเวณทางตอนเหนือของอเมริกา และจะจ้างพนักงานกว่า 50,000 ตำแหน่งในระดับเงินเดือนสูง และจะทุ่มเงินลงทุนหลายพันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อพัฒนาเมืองดังกล่าว แม้ว่าจะยังไม่ได้ประกาศตำแหน่งสถานที่ชัดเจน แต่สื่อหลายสำนักก็แข่งกันคาดเดาและวิเคราะห์ว่าจะน่าจะเป็น ‘อนาคตใหม่’ ของเมือง

Photo: media.corporate-ir.net

อ้างอิง: