Amazon ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซระดับโลก ประกาศเลื่อนการเปิดตัวแพลตฟอร์มซื้อขาย Non-Fungible Token (NFT) ไปในวันที่ 15 พฤษภาคม จากกำหนดการเดิมในวันที่ 24 เมษายน แพลตฟอร์ม ‘Amazon Digital Marketplace’ จะเริ่มให้บริการแก่ลูกค้าในสหรัฐอเมริกาก่อน และจะค่อยๆ เปิดตัวในประเทศอื่นๆ ภายหลัง
แพลตฟอร์มซื้อขาย NFT ของ Amazon เลื่อนการเปิดตัวออกไป
Amazon วางแผนที่จะเปิดตัวตลาดซื้อขาย NFT ในเดือนเมษายน ปี 2023 แต่ด้วยเหตุผลทางเทคนิค ทำให้บริษัทได้เลื่อนการเปิดตัวนี้ออกไปจากวันที่ 24 เมษายน ไปเป็นวันที่ 15 พฤษภาคม
มีรายงานว่า Amazon จะเปิดตัวคอลเล็กชัน NFT 15 ชุด โดยตลาดจะพร้อมใช้งานเป็นแท็บบนเว็บไซต์หลักของ Amazon ที่ชื่อว่า Amazon Digital Marketplace ซึ่งตลาดซื้อขายแห่งนี้จะเร่ิมให้บริการแก่ลูกค้าในสหรัฐอเมริกาก่อนที่จะเปิดตัวในระดับสากล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- จุดจบของ NFT? หลังราคาของสองคอลเล็กชัน NFT ชื่อดังอย่าง Bored Ape และ CryptoPunks ร่วงแรงต่ำกว่า 1 แสนดอลลาร์
- ปรับกลยุทธ์ใหม่! ‘Meta’ ประกาศหยุดให้บริการเกี่ยวกับ ‘NFT’ ใน ‘Instagram’ และ ‘Facebook’ กลับมาเน้นที่ ‘Reels’ มากขึ้น
- ตลาด NFT เจอแรงเทขายครั้งใหญ่สุดที่เคยมีมา แต่ถูกซื้อคืนทันทีเกือบ 1,000 ชิ้น เกิดอะไรขึ้นกับ ‘วาฬ’ ตัวนี้กันแน่
Waleswoosh อินฟลูเอ็นเซอร์ด้านคริปโตทวีตข้อความว่า ‘Amazon มีลูกค้าที่ใช้งานอยู่มากกว่า 310 ล้านรายทั่วโลก หากมีเพียง 1% ที่แสดงความสนใจในตลาดดิจิทัลใหม่แห่งนี้ อุตสาหกรรมอาจเติบโตหลายเท่าในชั่วข้ามคืน’
Amazon จะเป็นคู่แข่งรายสำคัญของ OpenSea หรือไม่?
OpenSea เป็นแพลตฟอร์มซื้อขาย NFT ชั้นนำที่ครองอันดับ 1 มาอย่างยาวนาน ก่อนที่ Blur จะแซงหน้า และดัน OpenSea ให้มาอยู่อันดับที่ 2 ตลาด NFT มียอดขายหลายพันล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ปี 2017 จึงไม่แปลกใจที่หลายบริษัทมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในวงการนี้ นอกเหนือจาก OpenSea และ Blur ยังมีคู่แข่งรายสำคัญอื่นๆ ได้แก่ Nifty Gateway, Rarible และ SuperRare
ตลาดซื้อขาย NFT ของ Amazon มีเป้าหมายที่จะลดความซับซ้อนของการซื้อขาย NFT และมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นแก่ผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า Amazon จะไม่ยอมรับการชำระเงิน NFT ด้วยคริปโต โดยผู้พัฒนา Web 3 ของ Amazon เปิดเผยว่า ผู้ใช้จะสามารถซื้อ NFT โดยใช้บัตรเครดิตเท่านั้น และ Amazon ไม่มีแผนที่จะยอมรับคริปโตเคอร์เรนซีหรือวอลเล็ต เช่น MetaMask ในอนาคตอันใกล้
อย่างไรก็ตาม Amazon Web Services ร่วมมือกับ Ava Labs เพื่อนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในการเปิดตัวตลาด NFT นอกจากนี้ Amazon ยังก้าวไปอีกขั้นในระบบนิเวศ Web 3 โดยร่วมมือกับ Chainlink (LINK) สำหรับโซลูชันการสร้างโหนด และ VeChainThor สำหรับบริการจัดการคาร์บอนบนบล็อกเชนอีกด้วย
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น
อ้างอิง: