×

เครือซีพีปลุกขุมทรัพย์ข้อมูลลูกค้า 36 ล้านราย เปิดศึก Amaze ท้าชนยักษ์อีคอมเมิร์ซต่างชาติ ด้วยค่าคอมมิชชันถูกกว่าครึ่งหนึ่ง

26.05.2025
  • LOADING...
Amaze Super App โดยซีพี เปิดตัวพร้อมฐานลูกค้า 36 ล้านราย ค่าคอมมิชชันต่ำกว่าตลาด

ข้อมูลคือขุมทรัพย์ในโลกยุคใหม่ และเครือซีพีกำลังขุดขุมทรัพย์นี้ขึ้นมาใช้อย่างจริงจัง ด้วยการเปิดตัว Amaze Super App แพลตฟอร์ม ‘รอยัลตี้อีคอมเมิร์ซ’ ที่วางตัวเป็นคู่แข่งรายใหม่ในตลาดอีคอมเมิร์ซไทย พร้อมจุดขายที่แตกต่างอย่างชัดเจน

 

เบื้องหลังการเปิดตัว Amaze มาจากข้อมูลที่เครือซีพีค้นพบเมื่อนำฐานลูกค้าจากทุกหน่วยธุรกิจมาวิเคราะห์ จากแอ็กเคานต์ทั้งหมดกว่า 100 ล้าน เมื่อจับคู่และตัดที่ซ้ำซ้อนออกแล้ว เหลือลูกค้าจริงๆ อยู่ที่ 36 ล้านคน ตัวเลขนี้ทำให้เครือซีพีเห็นโอกาสในการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลที่มีอยู่

 

ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ อธิบายภาพใหญ่ว่า Amaze เกิดขึ้นเพื่อเป็นจุดเชื่อมต่อระบบนิเวศของเครือซีพีทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ALL Point, My Lotus’s, True Money หรือ Makro PRO Point ที่ก่อนหน้านี้ต่างคนต่างอยู่แบบ ‘ไซโล’ แยกส่วนกัน

 

“ยุคนี้เป็นยุคที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล Amaze จะทำให้เราสามารถเห็น Single View of Customer ได้ในที่สุด” ศุภชัยกล่าว พร้อมกับแสดงความคิดเห็นว่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทยส่วนใหญ่ถูกครองโดยผู้เล่นต่างชาติ

 

สิ่งที่ทำให้ Amaze แตกต่างจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของต่างชาติคือการมีหน้าร้านจริงๆ ที่ให้บริการหลังการขายได้ ซึ่งเป็นจุดแข็งที่คู่แข่งไม่มี

 

แต่การทำให้ฝันนี้เป็นจริงต้องอาศัยมากกว่าแค่การรวมพอยต์ ธรินทร์ ธนียวัน ผู้อำนวยการบริหารกลุ่มด้านอีคอมเมิร์ซ เผยรายละเอียดว่า Amaze ใช้เวลาศึกษาและพัฒนาถึง 1 ปีเต็ม โดยใช้ทีมคนไทยทั้งหมด ทำให้ต้นทุนไม่สูงและมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยน

 

“เราไม่ได้มองแค่ว่าในเครือมีแต้มเท่าไหร่ แต่มองว่ามันตอบโจทย์ลูกค้าหรือเปล่า” ธรินทร์อธิบายหลักคิด “เราเห็นว่าคนไทยมีพอยต์ค้างในระบบถึง 600 ล้านพอยต์ ครึ่งหนึ่งมาจากบัตรเครดิต อีกครึ่งมาจากเครือซีพี พอยต์เหล่านี้คือเงินที่ลืมไปแล้ว เราทำหน้าที่เป็นฟาซิลิเตเตอร์รวบรวมมาให้ใช้ในชีวิตประจำวัน”

 

นอกจากการเชื่อมโยงพอยต์จากภายในเครือแล้ว Amaze ยังเปิดรับพอยต์จากบัตรเครดิตชั้นนำ 6-7 ราย ทำให้ลูกค้าสามารถเทิร์นเครดิตพอยต์มาใช้ได้ทันที พร้อมกับเปิดพื้นที่ให้ร้านค้าภายนอกเข้ามาขายสินค้าในแพลตฟอร์มด้วย

 

“เราเห็น Pain Point ของร้านค้าที่ต้องเสียค่าคอมมิชชันสูงให้แพลตฟอร์มต่างชาติ” ธรินทร์เผยข้อมูลสำคัญ “Amaze เป็นแพลตฟอร์มคนไทยเพื่อคนไทย เราเก็บค่าคอมมิชชันถูกกว่าตลาดครึ่งหนึ่ง”

 

จุดเด่นอีกอย่างของ Amaze คือมีสินค้าให้เลือกกว่า 100,000 รายการ โดยแค่จากโลตัสก็มี 30,000 SKU จากเซเว่นอีก 10,000 SKU ที่สำคัญคือสามารถสั่งของจากทั้งสองร้านนี้และได้รับภายใน 1-3 ชั่วโมง ภายในสิ้นปีจะขยายไปถึง 1,800 ร้าน

 

“เราไม่ให้ใครมาขายก็ได้ ต้องเป็นแบรนด์ เป็นดิสทริบิวเตอร์ที่การันตีคุณภาพ” ธรินทร์ย้ำถึงความแตกต่าง “SMEs ก็เข้ามาคุยได้ แต่ต้องผ่านการคัดกรองคุณภาพ”

 

จากการเปิดตัวมา 2 เดือน พฤติกรรมที่น่าสนใจคือ ลูกค้าบางคนเอาพอยต์มา ‘พักก่อน’ จะใช้อะไรค่อยคิด สำหรับตะกร้าเล็ก 100-200 บาท ลูกค้ามักเบิร์นพอยต์หมดตะกร้า ส่วนสินค้าราคาสูงจะใช้พอยต์ประมาณ 10-25% ของมูลค่า

 

“การที่ลูกค้าเริ่มใช้พอยต์มากขึ้นทำให้เห็นว่าการซื้อสินค้าด้วยพอยต์กลายเป็นพฤติกรรมใหม่” ธรินทร์วิเคราะห์ “เราเป็นช่องทางเสริม ไม่ได้มาแทนที่แอปเดิมของแต่ละธุรกิจ แต่มาเป็นโอกาสครอสเซลล์ นี่คือพลังของข้อมูล”

 

เป้าหมายระยะสั้นคือการเข้าถึงฐานลูกค้า 36 ล้านคนให้ได้ โดยยังไม่ได้ตั้งเป้ายอดขาย แต่ต้องการให้ลูกค้าเข้าใจประโยชน์ที่ได้รับ และในอนาคตมีแผนขยายอีโคซิสเต็มให้กว้างขึ้น อาจรวมถึงรอยัลตี้แพลตฟอร์มของแบรนด์อื่นๆ เช่น ปั๊มน้ำมัน

 

หน่วยธุรกิจต่างๆ ในเครือก็ให้การสนับสนุนเต็มที่ ทั้งทรูที่มีลูกค้า 40 ล้านบัญชีที่พร้อมใช้ประโยชน์จากระบบ CRM ใหม่นี้, CP AXTRA ที่เห็นว่าจะทำให้ลูกค้าใช้พอยต์ได้ง่ายขึ้น, CP ALL ที่มองว่าจะยกระดับจาก Daily life Shopping เป็น Lifestyle Shopping และ CPF ที่พร้อมนำสินค้าอาหารมาร่วมขาย

 

“เราเป็นรอยัลตี้อีคอมเมิร์ซเจ้าแรกที่รวมออนดีมานด์ส่งภายใน 1-3 ชั่วโมง กับมาร์เก็ตเพลส” ธรินทร์สรุป

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising