เกิดอะไรขึ้น:
วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม 2564 บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชั่น (AMATA) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้าหมายการขายที่ดินในประเทศไทยของปี 2564 ที่ 650 ไร่ โดยใน 9M64 สามารถทำยอดขายได้แล้ว 259 ไร่ และคาดว่าใน 4Q64 ยอดขายจะโดดเด่นหลังเปิดประเทศแม้มีความกังวลเรื่องโควิดสายพันโอไมครอน
พร้อมคาดว่าการเติบโตของปี 2565 จะก้าวกระโดด และบริษัทมั่นใจว่ารายได้จากธุรกิจค่าบริการและสาธารณูปโภคจะสามารถเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าปีละ 10% รวมถึงแนวโน้มการเติบโตของกลุ่มธุรกิจ EV Car และแบตเตอรี่ คาดว่าจะเป็น New S-Curve แก่บริษัทในอนาคต
กระทบอย่างไร:
นับตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม 2564 จนถึงวันนี้ (14 ธันวาคม) ราคาหุ้น AMATA ไม่ตอบสนองมากนัก และเคลื่อนไหวในกรอบแคบที่ 20.00-20.60 บาท และปิดที่ระดับ 20.30 บาท
มุมมองระยะสั้น:
แม้มีการระบาดของโควิดสายพันธุ์ใหม่เพิ่มเติม แต่ SCBS เชื่อว่ายอดโอนของ AMATA จะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ 4Q64 เป็นต้นไป และต่อเนื่องจนถึงปี 2565 จากการเริ่มเปิดประเทศของประเทศไทย โดยฐานลูกค้าหลักยังคงเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน ยานยนต์และโลจิสติกส์
ทั้งนี้ SCBS คาดว่าผลประกอบการของ AMATA จะผ่านพ้นจุดต่ำสุดในรอบ 12 ปี โดยคาดรายได้ปี 2564 ที่ระดับ 4,191 ล้านบาทไม่เติบโตจากปี 2563 โดยสัดส่วนรายได้จากขายที่ดินอยู่ที่ประมาณ 20% โดยส่วนที่เหลือมาจากค่าเช่าและรายได้จากสาธารณูปโภค และกำไรสุทธิปี 2564 จะอยู่ที่ระดับ 998 ล้านบาทลดลง 7%YoY
มุมมองระยะยาว:
ในปี 2565 ยอดขายของ AMATA จะกลับมาเติบโต 34%YoY สู่ระดับ 5,621 ล้านบาท รวมถึง Gross Profit Margin กลับมาฟื้นตัวบนสมมติฐานของการกลับมาขายและโอนนิคมอมตะชลบุรีเพิ่มขึ้นจากปี 2564 รวมถึงนิคมอมตะ ประเทศเวียดนามทั้ง 3 แห่งคาดว่าจะฟื้นตัวจากปีนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดเช่นกัน
โดย SCBS คาดกำไรสุทธิปี 2565 ของ AMATA ไว้ที่ 1,378 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38%YoY สำหรับความเสี่ยงที่ต้องจับตาคือการระบาดของโควิดที่เกินควบคุมมากกว่าปี 2564 ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจเดินทางเข้าออกประเทศของลูกค้าทั้งในประเทศไทยและ CLMV รวมถึงต้องติดตามความเสี่ยงของการย้ายฐานการผลิตของบางอุตสาหกรรม
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP