น่าจะเป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่บ่งชี้ได้ชัดเจนว่า การระบาดของโควิด-19 ได้กลายเป็นตัวกระตุ้นชั้นดีที่ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากต้องหันมาใช้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสั่งซื้อสินค้าออนไลน์กันมากขึ้น
เมื่อล่าสุด บริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด ได้รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสเดือนมิถุนายน 2563 ของบริษัท (ไตรมาส 1 ตามปีงบการเงินของอาลีบาบา) และพบว่าทิศทางการดำเนินงานของบริษัทยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดีและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 153,751 ล้านหยวน หรือราว 684,197 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 46,437 ล้านหยวน หรือประมาณ 206,655 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 143% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีจำนวนลูกค้าประจำต่อปี (Annual Active Consumers) ในตลาดค้าปลีกจีนของอาลีบาบา แตะ 742 ล้านคน เพิ่มขึ้น 16 ล้านคน ในรอบ 12 เดือน เมื่อสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563
ส่วนจำนวนลูกค้าที่ซื้อเป็นประจำทุกเดือนผ่านมือถือ (Mobile MAUs) ในตลาดค้าปลีกจีนของอาลีบาบาอยู่ที่ 874 ล้านคน ในเดือนมิถุนายน 2563 เพิ่มขึ้น 28 ล้านคน เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2563
ที่น่าสนใจก็คือ ธุรกิจคลาวด์ของบริษัท หรือ Alibaba Cloud สร้างรายได้ให้กับอาลีบาบาในช่วงไตรมาสนี้ราว 12,345 ล้านหยวน ซึ่งแม้จะคิดเป็นสัดส่วนเพียงแค่ 8% ของรายได้ในปัจจุบันของอาลีบาบา แต่กลับมีอัตราการเติบโตเชิงรายได้สูงที่สุดในทุกหมวดธุรกิจที่ 59% (เทียบแบบปีต่อปี)
แดเนียล จาง ประธานกรรมการและซีอีโอของอาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวผ่านรายงานผลประกอบการบริษัทว่า “อาลีบาบามีผลการดำเนินงานที่ดีเยี่ยมในไตรมาสที่ผ่านมา เราได้รับประโยชน์จากตลาดที่กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล ทั้งในด้านการบริโภคและการปฏิบัติการขององค์กรต่างๆ โดยมีตัวเร่งคือการเกิดขึ้นของโรคระบาด ซึ่งอาลีบาบาได้ระดมโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของเราทั้งหมดมาใช้ เพื่อช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ
“ขณะเดียวกันก็ขยายและเพิ่มความหลากหลายของฐานลูกค้า ด้วยการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในช่วงหลังโควิด-19 แม้ว่าเราจะอยู่ในสถานการณ์ที่ตลาดไม่ปกติ แต่อาลีบาบายังคงให้ความสำคัญกับแผนงานในระยะยาว และทำตามพันธกิจที่วางไว้ รวมทั้งสร้างคุณค่าที่แท้จริงให้กับลูกค้า ทั้งที่เป็นผู้บริโภคและภาคธุรกิจ”
อย่างไรก็ตาม แม้ผลประกอบการโดยรวมของอาลีบาบาจะยังอยู่ในเส้นทางที่ดี แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะประมาทสถานการณ์ของบริษัท ณ ปัจจุบันได้ โดยเฉพาะการทำธุรกิจในสหรัฐฯ ที่เมื่อไม่นานมานี้มีรายงานข่าวที่เปิดเผยเป็นนัยว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจจะพิจารณาการแบนห้ามไม่ให้อาลีบาบาดำเนินธุรกิจในประเทศของพวกเขาต่อจาก TikTok, WeChat และ Huawei
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: