ถึงแม้ว่า มิเกล อาร์เตตา จะพยายามอธิบายหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้อาร์เซนอลพ่ายแพ้คาเอมิเรตส์สเตเดียมต่อนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ว่าเป็นเพราะลูกฟุตบอลที่มีความแตกต่าง (ซึ่งไม่ใช่เรื่องตลก แต่เป็นดีเทลในการแข่งจริง)
แต่เหตุผลหลักๆ ที่ทุกคนเห็นตรงกันคือ นิวคาสเซิลของ เอ็ดดี ฮาว มีสิ่งที่อาร์เซนอลและอาร์เตตาไม่มีนั่นคือกองหน้าในระดับ Elite อย่าง อเล็กซานเดอร์ อิซัค ที่เป็นผู้สร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในเกมคาราบาวคัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก
และนั่นทำให้ใครหลายคนเริ่มคิด
ดาวยิงทีมชาติสวีเดนคือกองหน้าที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกแล้วหรือยัง?
ย้อนหลังกลับไปเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา สถานการณ์ของนิวคาสเซิลนั้นชักออกอาการไม่ดี พวกเขาพ่ายแพ้ต่อเบรนท์ฟอร์ดในเกมเยือน 4-2 ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นเพิ่งโชว์ฟอร์มน่าประทับใจไล่ตีเสมอจ่าฝูงอย่างลิเวอร์พูลได้แบบสุดมัน 3-3
ความพ่ายแพ้วันนั้นทำให้อันดับในตารางนั้นหล่นไปไกลถึงที่ 12 และผลงาน 11 นัดในพรีเมียร์ลีก พวกเขาชนะเพียงแค่ 2 นัดเท่านั้น จนทำให้ เอ็ดดี ฮาว ผู้จัดการทีม ต้องพยายามออกมารับหน้ากระแสโจมตีด้วยความผิดหวังจากแฟนๆ ทูนอาร์มีที่ถล่มทีมแบบไม่ยั้ง
“การต้องเผชิญหน้ากับแฟนๆ ในเวลาที่เราไม่สามารถทำในสิ่งที่เราอยากทำเพื่อพวกเขาได้ เป็นเรื่องที่ยากลำบากเสมอ” ฮาวบอกในวันนั้น
นายใหญ่นกแม็กพายให้คำมั่นในวันนั้นว่าเขาจะพยายามทำให้แฟนๆ ทุกคนรู้สึก ‘ภูมิใจ’ ไปกับทีมอีกครั้ง
เวลาผ่านมาแค่เดือนเดียว สถานการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นิวคาสเซิลกลับมาบินสูงอีกครั้งในพรีเมียร์ลีกด้วยการเก็บชัยชนะรวดถึง 5 นัดติดต่อกัน ซึ่งในจำนวนนี้มีเกมบิ๊กแมตช์ที่เอาชนะคู่แข่งอย่างแอสตัน วิลลา, ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ก่อนที่ล่าสุดจะบุกไปเอาชนะอาร์เซนอลได้ถึงถิ่น ซึ่งถือเป็นเกมประกาศศักดาสำหรับทีมยักษ์ใหญ่แห่งนอร์ทอีสต์
มีเหตุผลดีๆ มากมายที่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมนิวคาสเซิลถึงกลับมาทำผลงานได้ดีขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นการค้นพบตำแหน่งใหม่ที่ลงตัวสุดๆ ของ ซานโดร โตนาลี ที่กลับมาหลังคดีการพนันอันอื้อฉาวและโดนปรับบทใหม่จนกลายเป็น ‘หมายเลข 6’ ที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีกตอนนี้
สมดุลในแนวรุกด้วยผู้เล่นที่ไม่ได้เป็นสตาร์และไม่ได้บู๊ตะบี้ตะบันอย่าง เจค็อบ เมอร์ฟีย์ หรือฟูลแบ็กดาวรุ่งสองฝั่งอย่าง ลูอิส ฮอลล์ และ ติโน ลิวราเมนโต ที่พัฒนาตัวเองขึ้นมา จนทำให้ปีกของนกสาลิกาเข้มแข็ง
แต่เหตุผลสำคัญที่สุดที่ทุกคนเห็นตรงกันนั่นคือ การระเบิดฟอร์มของศูนย์หน้าอย่าง อเล็กซานเดอร์ อิซัค
ก่อนหน้านี้อิซัคไม่ต่างอะไรจากนิวคาสเซิลที่ฟอร์มการเล่นยังลุ่มๆ ดอนๆ โดยจนถึงวันที่ 26 ตุลาคม เขาเพิ่งทำประตูในพรีเมียร์ลีกได้เพียงแค่ลูกเดียวเท่านั้นเองจากการลงสนาม 8 นัด
แต่ 12 นัดหลังจากนั้นฟอร์มการถล่มประตูของอิซัคร้อนแรงขึ้นอย่างเหลือเชื่อ โดยทำไปถึง 12 ประตูด้วยกัน ทำให้ยิงรวมไปแล้วในพรีเมียร์ลีก 13 ประตู เท่ากับ โคล พาลเมอร์ และ ไบรอัน เอ็มโบโม เป็นรองเพียงแค่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ เออร์ลิง เบราต์ ฮาลันด์ เท่านั้น
โดยที่หากนับรวมปี 2024 อิซัคทำไปถึง 25 ประตูในทุกรายการ ซึ่งถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดอันดับที่ 2 ตลอดกาลในทำเนียบกองหน้านิวคาสเซิล เป็นรองแค่ อลัน เชียเรอร์ ที่ยิงไป 27 ประตูในปี 2002
อย่างไรก็ดี สิ่งที่อิซัคแสดงออกมานั้นไม่ใช่แค่เรื่องของฟอร์มการถล่มประตูเท่านั้น แต่เป็นฟอร์มการเล่นของศูนย์หน้าที่ครบเครื่องสมบูรณ์แบบในตัวคนเดียว ที่เราแทบไม่เคยได้เห็นกองหน้าในแบบนี้อีกเลย
ในความรู้สึกของใครหลายคน ดาวยิงชาวสวีดิชอาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใกล้เคียงกับ เธียร์รี อองรี ตำนานตลอดกาลของทีมอาร์เซนอล ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์หน้าผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่พรีเมียร์ลีกเคยมีมาเคียงข้างกับ ‘ฮอตช็อต’ อลัน เชียเรอร์ ที่ชาวเมืองนิวคาสเซิลภูมิใจ
ความครบเครื่องของอิซัคนั้นเหมือนได้กินต้มยำน้ำข้นใส่กุ้งตัวใหญ่ๆ โปะด้วยไข่แดงสองฟอง
- มีความเร็วจัดจ้านที่พร้อมฉีกกองหลังเป็นริ้วๆ ได้อย่างง่ายดาย
- มีทักษะการครองบอลและเลี้ยงบอลที่ยอดเยี่ยม สามารถ Take-on ดวลตัวต่อตัวกับคู่แข่งและเอาชนะได้อย่างง่ายดาย บางครั้งหลบคนเดียวน้อยไป สามารถหลบ 2-3-4 หรือแล้วแต่อารมณ์
- ชาญฉลาดในการเล่น อ่านจังหวะเกมได้ดี ทำให้ขยับตัวไปอยู่ในพื้นที่ที่พร้อมรับบอลและสร้างอันตรายให้แนวรับคู่แข่งได้ตลอดเวลา
- จบสกอร์ได้อย่างเฉียบขาด ไม่ใช้โอกาสสิ้นเปลือง ตามข้อมูลล่าสุดใน 18 เกมที่ลงสนาม อิซัคได้โอกาสยิง 55 ครั้ง ยิงเข้ากรอบ 26 ครั้ง (47%) และมีค่าเฉลี่ยทำประตูต่อเกมถึง 0.72
- เป็น Big Game Player ชอบยิงประตูในเกมใหญ่ ในฤดูกาลนี้ยิงใส่ทั้งท็อตแนม ฮอตเปอร์, เชลซี, อาร์เซนอล, ฟอเรสต์, ลิเวอร์พูล, แอสตัน วิลลา และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
- ไม่ได้เก่งแค่เรื่องการทำประตูเท่านั้น แต่ยังสร้างโอกาสให้เพื่อนได้ด้วย ในตำแหน่งศูนย์หน้า แต่มี 4 แอสซิสต์ในฤดูกาลนี้
- เพรสซิงได้เก่งสมเป็นกองหน้าสมัยใหม่ มีสถิตเป็นรองแค่ ไค ฮาเวิร์ตซ์ และ โดมินิก โซลังกี แค่สองคนเท่านั้นในพรีเมียร์ลีก
อย่างไรก็ดี สถิติที่น่าขนลุกที่สุดที่กองหน้าวัย 25 ปีทำได้ในเวลานี้คือ การทำประตูในกรอบ 6 หลา (Six-Yard-Box)
ในฤดูกาล 2024/25 นับจนถึงวันนี้ อิซัคได้โอกาสจบสกอร์ในกรอบเขตโทษทั้งหมด 7 ครั้ง
และยิงเข้าทั้ง 7 ครั้ง! เรียกว่า ‘Perfect’ หรือสมบูรณ์แบบ
แน่นอนว่าส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะเขาได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีมที่ดีที่จะเปิดบอลเข้ามาในพื้นที่อันตราย ซึ่งเขาจะสามารถทิ่มแทงเกมรับของคู่แข่งได้
12 ประตูหลังสุดในพรีเมียร์ลีกที่อิซัคทำได้นั้น 9 ในนั้นมาจากการครอสบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษ คนที่เปิดให้เขาเยอะที่สุดคือ เจค็อบ เมอร์ฟีย์ จำนวน 4 ครั้ง รองลงมาคือ ลูอิส ฮอลล์ จำนวน 3 ครั้ง
แต่ถ้าอิซัคไม่เยือกเย็นและเฉียบคมพอที่จะใส่สกอร์ ประตูก็ไม่มาอยู่ดี
ก่อนหน้านี้กองหน้ารายนี้เคยถูกจับตามองจากหลายสโมสร ซึ่งรวมถึงอาร์เซนอลที่เคยอยากได้ตัวมาร่วมทีม แต่ไม่ได้ไล่ล่าตัวอย่างจริงจัง เป็นนิวคาสเซิลที่ได้ตัวมาร่วมทีมท่ามกลางคำถามว่า อิซัคจะเป็นกองหน้าในแบบที่ทุกคนคาดหวังได้จริงๆ หรือไม่ โดยเฉพาะหลังเผชิญปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนบ่อยครั้ง
วันนี้เขาใช้ผลงานตอบคำถามแทนคำพูดแล้ว ขณะที่แฟนกูนเนอร์สได้แต่เสียดายและผิดหวัง โดยเฉพาะเมื่อมองกองหน้าในทีมอาร์เซนอลเวลานี้
สิ่งที่อิซัคต้องทำจากนี้คือ การรักษาความดี ทำผลงานให้สม่ำเสมอที่สุด และพานิวคาสเซิลไปให้ไกลที่สุด โดยเฉพาะเป้าหมายที่อยากจะไปให้ถึงคือการได้ไปแชมเปียนส์ลีกอีกครั้งในฤดูกาลหน้า ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปได้เมื่อมองจากฟอร์มและความแข็งแกร่งของทีมในเวลานี้
แต่ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรก็ตาม สำหรับชาวจอร์ดี้วันนี้พวกเขาได้ฮีโร่คนใหม่ที่รอคอยมาอย่างยาวนานแล้ว
เรื่องนี้สำคัญยิ่งกว่าอะไร เพราะเมืองนี้ไม่มีฮีโร่ไม่ได้!
ภาพประกอบ: กันยกร กาญจนวิไล
อ้างอิง
- https://www.eurosport.com/football/premier-league/2024-2025/newcastle-united-alexander-isak-eddie-howe-turned-their-premier-league-season-around_sto20069351/story.shtml
- https://theanalyst.com/eu/2025/01/alexander-isak-best-striker-in-premier-league
- https://www.nytimes.com/athletic/6037360/2025/01/06/alexander-isak-six-yard-box-king/
- https://www.premierleague.com/players/21737/Alexander-Isak/stats?co=1&se=719