รู้ไหมว่าในแต่ละปี โลกเราต้องแบกรับ Food Loss and Food Waste หรือการสูญเสียอาหารและขยะที่เกิดขึ้นจากกระบวนการทางอาหารมากเท่าไร? (ให้เวลาคิด 3 วินาที)
.
.
.
(เฉลย) ข้อมูลจากสหประชาชาติ หรือ UN เปิดเผยโดย UNEP โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (อังกฤษ: United Nations Environment Programme) พบว่า ในปีปีหนึ่งเราต้องเผชิญกับปริมาณขยะจากอาหารมากถึง 931 ล้านตัน ถ้าใครจินตนาการไม่ออกว่ามากแค่ไหน ก็อาจจะลองเทียบกับปริมาณรถแบบตีกลมๆ รวมที่ 620 ล้านคันก็ได้ (ประมาณการโดยเฉลี่ยรถ 1 คันมีน้ำหนัก 1.5 ตัน)
หรือถ้าจะเทียบให้เห็นภาพชัดขึ้นกว่านั้น ว่ากันว่าจากสัดส่วนอาหาร 100% ที่ถูกผลิตขึ้นจากโรงงาน ร้านอาหาร ในจำนวนนี้มีสัดส่วนมากถึง 17% ที่ไม่ได้ถูกกำจัดอย่างถูกวิธีโดยน้ำย่อยในกระเพาะอาหารของเรา แต่ถูกโยนทิ้งโยนขว้างจนกลายเป็น Food Loss and Food Waste ซึ่งในปริมาณขยะจากอาหารเหล่านี้ คาดการณ์กันว่ามีส่วนปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่โลกมากถึงราวๆ 8-10% ในแต่ละปีเลยทีเดียว
ก่อนหน้านี้หลายคนอาจจะมองข้ามและพากันเข้าใจไปว่า Food Loss and Food Waste ไม่ใช่วาระเร่งด่วนที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างที่คิด บ้างก็อาจจะทึกทักผิดมองว่าเรื่องใกล้ตัวอย่างปัญหาบรรจุภัณฑ์พลาสติก ควันไอเสียจากรถยนต์ และมลพิษจากอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายมากกว่า แต่จากข้อมูลที่ UN ได้เปิดเผยออกมานี้ก็น่าจะทำให้เราต้องมานั่งทบทวนกันเสียใหม่แล้วว่า เราจะช่วยลดปริมาณ Food Loss and Food Waste ลงเพื่อคืนความสมบูรณ์ และสุขภาพที่ดีให้กับโลกด้วยวิธีไหน
ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ ประเด็นดังกล่าวจึงถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยอย่างจริงจังมากขึ้น โดยเฉพาะบรรดาผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารที่จะต้อง ‘ปรับ’ กระบวนการใหม่เสียหมด ‘เปลี่ยน’ มุมคิดและวิธีการเพื่อให้การทำธุรกิจและการดำเนินงานของพวกเขาเป็น ‘มิตร’ ต่อโลกอย่างยั่งยืน
หนึ่งในองค์กรที่เห็นถึงความสำคัญของประเด็นสิ่งแวดล้อม ผลกระทบของ Food Loss and Food Waste และเริ่มปรับนโยบายหลายต่อหลายภาคส่วนมายึดโยงให้ความสำคัญด้านนี้มากยิ่งขึ้นคือ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด
อายิโนะโมะโต๊ะทำอะไรไปแล้วบ้าง พวกเขามีวิธีการเปลี่ยนแปลงการทำงาน หรือขยับตัวอย่างไรเพื่อให้มูฟเมนต์ในด้านความยั่งยืน และการใส่ใจสิ่งแวดล้อมเป็นรูปธรรมที่มีผลลัพธ์พร้อมให้จับต้องได้จริง?
#อายิกรีนดีไปด้วยกัน #AJINOMOTOGREENGROWTH กิน ใช้ชีวิต เพื่อรักษ์สิ่งแวดล้อม แนวคิดจากอายิโนะโมะโต๊ะที่มุ่งสู่ปี 2030 อย่างยั่งยืน
เชื่อว่าทุกคนต่างก็ทราบดีว่ารสชาติของผงชูรสที่เราใส่ลงไปในอาหารถูกขนานนามในอีกชื่อว่า ‘รสอูมามิ’ ซึ่งในที่นี้หลายคนอาจจะเรียกว่ารสนัว ซึ่งถือเป็นรสชาติที่อร่อย กลมกล่อม และถูกยกให้เป็นรสชาติพื้นฐานลำดับที่ 5 ต่อจากรสเปรี้ยว หวาน เค็ม และขม
โดยที่กระบวนการได้มาซึ่งผงชูรสของอายิโนะโมะโต๊ะก็มาจากกระบวนการทางธรรมชาติ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เรามักจะได้ยินสโลแกนของพวกเขาจนจดจำขึ้นใจว่า ‘ผลิตจากวัตถุดิบหลักจากธรรมชาติ’ ทั้งยังได้รับการขนานนามว่าผงชูรสของพวกเขามีความบริสุทธิ์ระดับ 99.0% ซึ่งวัตถุดิบหลักของอายิโนะโมะโต๊ะก็คือ แป้งมันสำปะหลังและอ้อยนั่นเอง
สำหรับกระบวนการผลิตผงชูรสและวงจรชีพของเจ้าผงนัว อายิโนะโมะโต๊ะยังได้ยึดใช้กระบวนการ Bio-cycle หรือวัฏจักรชีวภาพมาตั้งแต่ยุค 80 นั่นหมายความว่า ทุกๆ ขั้นตอนตั้งแต่กระบวนการผลิต การส่งมอบ ไปจนถึงกระบวนการทำลาย สิ่งที่เกิดขึ้นจากผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะได้คำนึงถึงการดูแลสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนในทุกๆ กระบวนการ
เริ่มตั้งแต่การปลูกมันสำปะหลังจากไร่ของเกษตรกรท้องถิ่น แล้วนำมันสำปะหลังที่ได้มาเข้ากระบวนการผลิตในโรงงานออกมาเป็นแป้งมัน เพื่อนำไปผลิตผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะ แล้วนำน้ำหมักบางส่วนที่หลงเหลือจากกระบวนการผลิตมาพัฒนาเป็นปุ๋ยน้ำส่งคืนสู่ภาคเกษตรกรรม ใช้ในการปลูกมันสำปะหลังหรือพืชผักอื่นๆ ต่อ เพื่อให้วงจร Bio-cycle หมุนไปอย่างสมบูรณ์ตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิต
ความคิดริเริ่มของวัฏจักรชีวภาพคือการเปลี่ยนของเหลือจากภาคการผลิตที่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการให้กลายเป็นปุ๋ยที่มีประโยชน์ ตลอดจนผลิตภัณฑ์ร่วมอื่นๆ โดยปลดปล่อยคุณค่าออกมาส่งคืนสู่ภาคเกษตรกรรม ส่งผลให้ทุกขั้นตอนการดำเนินงานของอายิโนะโมะโต๊ะเต็มไปด้วยประสิทธิภาพและความยั่งยืน
นอกเหนือจากนี้ หัวใจหลักที่เป็นเครื่องยืนยันว่าอายิโนะโมะโต๊ะใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริงประกอบไปด้วย 2 แนวทางสำคัญคือ
- แนวคิดการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดการสร้างคุณค่าร่วมกับสังคม (The Ajinomoto Group Creating Shared Value: ASV) เป็นสิ่งที่อายิโนะโมะโต๊ะยึดถือเป็นหัวใจในการดำเนินงานมาโดยตลอด ทั้งยังเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงในการสร้างคุณค่าผ่านธุรกิจขององค์กร ไปพร้อมๆ กับการร่วมแก้ไขปัญหาสังคม
- การประกาศเป้าหมายที่ต้องการบรรลุภายในปี 2030 อายิโนะโมะโต๊ะได้ประกาศไว้ว่า พวกเขาตั้งเป้าจะเป็นกลุ่มบริษัทผู้ส่งมอบแนวทางการแก้ปัญหา และนวัตกรรมที่เกี่ยวกับอาหารและสุขภาพให้ได้ภายในปี 2030 ‘เพื่อช่วยส่งเสริมสุขภาพดีของผู้คนจำนวนหนึ่งพันล้านคน’ และ ‘การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 50%’ จากการดำเนินธุรกิจขององค์กร
โรดแมปสู่การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 50% โดยอายิโนะโมะโต๊ะ
สำหรับประเด็นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลงครึ่งหนึ่งหรือ 50% ภายใน 8 ปีต่อจากนี้ อายิโนะโมะโต๊ะจะเน้นไปที่แนวทางการดำเนินธุรกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (BCG-Bio-Circular-Green Economy) เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ พร้อมชูหลักการ 3R (Reduce, Reuse, Recycle) เข้ามาประยุกต์ใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดกับกิจกรรมทางธุรกิจในทุกโรงงานและสถานประกอบการ ตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกวัตถุดิบ การผลิตและการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ตลอดจนการกำจัดขยะอย่างถูกวิธีและไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs) ดังนั้น พวกเขาจะต้องมุ่งหาวิธีการ ปรับเปลี่ยนแนวทางใหม่ๆ เพื่อลดการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดขยะพลาสติกให้ได้สำเร็จ เป็นต้น
พวกเขายังยืนยันหนักแน่นในจุดยืนขององค์กร โดยเฉพาะการบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ภายในปี 2030 ผ่านการทำงานร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อสร้างคุณค่าใหม่ๆ ด้วยการให้ความสำคัญกับผู้บริโภคและข้ามห่วงโซ่คุณค่า ไปจนถึงการให้คุณค่ากับวิธีการทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม เพื่อนำกระบวนการใหม่ๆ มาเร่งลดการสร้างผลกระทบเชิงลบกับโลกและสิ่งแวดล้อม
‘โภชนาการที่มุ่งมั่นอย่างไม่ลดละ’ เพื่อความอร่อย ความสุขที่ดี และการเข้าถึงได้ของผู้คนอย่างทั่วถึง
นอกเหนือจาก Commitment ด้านสิ่งแวดล้อมที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้ว อายิโนะโมะโต๊ะยังให้ความสำคัญกับแนวทางการช่วยให้ผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วโลกมีสุขภาพที่ดีจากการมีโภชนาการ อาหารการกิน และความเป็นอยู่ที่ดีด้วย
ซึ่งสิ่งที่อายิโนะโมะโต๊ะจะมุ่งไปเพื่อให้บรรลุแนวทางดังกล่าวได้อย่างลุล่วง ไร้ปัญหานั้นเรียกรวมว่าแนวคิดแบบ ‘โภชนาการที่มุ่งมั่นอย่างไม่ลดละ’ ซึ่งจะอาศัยความอร่อยของรสนัว รสอูมามิเป็นตัวเชื่อมให้เกิดการรับประทานอาหารที่มีโภชนาการที่เหมาะสม ประกอบด้วยแนวทาง 3 ด้านคือ
ด้านที่ 1: โภชนาการที่มุ่งมั่นไม่ลดละด้านความอร่อย ไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยส่งเสริมการมีโภชนาการที่ดี โดยใช้ความเชี่ยวชาญหลักด้านกรดอะมิโนสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมาย ที่ช่วยให้ผู้บริโภคได้รับประทานอาหารที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ
ด้านที่ 2: โภชนาการที่มุ่งมั่นไม่ลดละด้านความสามารถในการเข้าถึงสินค้าและโภชนาการที่ดีของผู้บริโภค ความพยายามในการจัดจำหน่าย การควบคุมราคา และความสะดวกสบายจะช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการได้
ด้านที่ 3: โภชนาการที่มุ่งมั่นไม่ลดละด้านการพัฒนาสินค้าเพื่อตอบสนองวิถีชีวิตท้องถิ่นของผู้บริโภค ปรับใช้และคำนึงถึงวัฒนธรรม รสชาติ และอาหารประจำท้องถิ่น ทรัพยากร วัตถุดิบ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ใส่ใจในไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคลด้วยการคิดค้นและส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้บริโภค
และทั้งหมดที่กล่าวมานี้ก็คือหัวใจแห่งความมุ่งมั่นของอายิโนะโมะโต๊ะ ที่หวังจะขับเคลื่อนโลกใบนี้ให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น ด้วยแนวทางการดำเนินงานที่ยั่งยืน และสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสิ่งแวดล้อม แม้จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ จากหนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมอาหารซึ่งมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร แต่อย่างน้อยที่สุดเราก็ได้เห็นถึงสัญญาณความตั้งใจของพวกเขาที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงนี้
อีก 8 ปีต่อจากนี้ ไม่มากก็น้อย เราคงจะได้เห็นความตั้งใจของอายิโนะโมะโต๊ะ งอกเงยเป็นผลลัพธ์แห่งความสุข และการร่วมผลักดันให้ผู้ประกอบการธุรกิจอาหารรายอื่นๆ ร่วมกันขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงเพื่อให้โลกนี้น่าอยู่กว่าเดิม มีสุขภาพที่ดีขึ้นไปด้วยกัน
อ้างอิง: