ท่ามกลางความท้าทายที่เกิดขึ้นจากวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้ผู้คนออกไปเดินจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าตามร้านค้าแบบ Brick and Mortar ลดลง พร้อมๆ กับการผงาดของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจำนวนมากที่เข้ามาท้าทายและแบ่งสรรปันส่วนผู้ซื้อไปจากร้านค้าแบบเดิมๆ อยู่ไม่น้อย คำถามสำคัญคือ เหล่าผู้ประกอบการร้านค้าปลีก เจ้าของธุรกิจ และเจ้าของร้านขายสินค้าต่างๆ จะปรับกลยุทธ์ตัวเองอย่างไรเพื่อให้ทันรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
หลังจากใช้เวลาในการพัฒนามานานกว่า 12 เดือนเต็ม วันนี้ (29 เมษายน) AIS ผู้ให้บริการโอเปอเรเตอร์อันดับ 1 ของประเทศไทย ที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 42 ล้านคน ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ของพวกเขา ‘V-Avenue’ หรือ V-Avenue.co ที่นำเทคโนโลยี 5G และ VR มาผสมผสานกันเพื่อให้เกิดโลกเสมือนจริงของการช้อปปิ้งสินค้าและบริการรูปแบบใหม่ (ลองใช้งานด้วยตัวเองได้ที่เว็บไซต์ https://v-avenue.co/Home/)
ความพิเศษของ V-Avenue คือการเป็นแพลตฟอร์มแบบ Virtual Mall แห่งแรกของโลกที่ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปเลือกซื้อสินค้าและบริการต่างๆ บนแพลตฟอร์มในลักษณะการใช้งานแบบ VR 360 องศา (แต่ไม่จำเป็นต้องสวมแว่น VR) โดยสามารถเลือกดูหรือซื้อสินค้าที่สนใจได้ตามต้องการ โดยมีบรรยากาศหรือสภาพแวดล้อม (Ambient) ที่จำลองมาจากร้านค้าจริงๆ
ซึ่ง ณ วันนี้ บน V-Avenue เรายังสามารถเลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์ดังที่หลากหลายได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าสมาร์ทโฟน แก็ดเจ็ตจากสโตร์ของ AIS เอง, สินค้าจากพาร์ตเนอร์อย่าง The Emporium และ The Mall, TV Direct หรือแบรนด์อย่าง ALAND, Jung Saem Mool และ Loft พร้อมสิทธิพิเศษอีกเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ใน V-Avenue ยังมี Community Hub พื้นที่รวมตัวของผู้ประกอบการ SMEs ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้อย่างไม่จำกัด เพื่อเพิ่มยอดขายและรายได้ โดย ณ วันนี้มีร้านค้าที่เข้าร่วมมากกว่า 210 แห่ง และ AIS ก็ยังคงเปิดกว้างความร่วมมือในการรับผู้ประกอบการร้านค้า SMSs รายใหม่ๆ เข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังไม่มีการเก็บส่วนแบ่งรายได้ ค่า GP จากยอดขายอีกต่างหาก (สมัครได้ด้วยตัวเองบนแพลตฟอร์มเลย)
ปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS ให้ข้อมูลว่า โปรเจกต์ V-Avenue เกิดขึ้นภายใต้ความตั้งใจของ AIS ที่อยากนำเทคโนโลยี 5G มาช่วยสร้างการเชื่อมต่อร้านค้ากับผู้คน โดยเฉพาะในช่วงสภาวะวิกฤตเช่นนี้ที่ผู้ประกอบการ ภาคธุรกิจจำนวนมาก ต้องประสบปัญหาการเข้าถึงลูกค้าของตัวเอง ซึ่ง V-Avenue ก็จะช่วยสร้างประสบการณ์แบบ 360 องศา ผ่าน VR ที่ทำให้ผู้ค้าสามารถนำเทคโนโลยีมาผลักดันให้สินค้าของตัวเองไปถึงผู้ใช้บริการด้วยมิติที่สดใหม่ แตกต่างไปจากเดิม
“เป้าหมายของเราคือการสร้างเทคโนโลยีที่ทันสมัย เครือข่ายที่มีความเข้มแข็ง และการสร้างประโยชน์ในการนำสินค้าและบริการของเราและพันธมิตรไปสู่ลูกค้า AIS ที่มีอยู่ ณ วันนี้ที่ 42-43 ล้านคน และลูกค้าของเราในอนาคต
“AIS ไม่ได้ตั้งความหวังไว้ว่าจะต้องสร้างความมั่งคั่งจากแพลตฟอร์มนี้ แต่เราตั้งใจที่จะเป็นส่วนเสริมประสบการณ์การซื้อขายสินค้าออนไลน์ที่เสมือนจริงมากยิ่งขึ้น ไม่ได้คิดว่าจะต้องไปดึงลูกค้าจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ”
จากการทดลองใช้งานเบื้องต้น ผู้เขียนพบว่า V-Avenue จะทำหน้าที่เป็นเสมือนหน้าร้านจำลองบนเว็บไซต์ ที่มาพร้อมกับโมเดล 3 มิติ สภาพแวดล้อม และตัวเลือกร้านค้า สินค้าต่างๆ ที่มีมาให้เลือกไม่ต่ำกว่า 10,000 รายการ โดยจะทำหน้าที่เป็นดิสเพลย์เพื่อเชื่อมต่อไปยังหน้าเว็บไซต์ของร้านค้าแต่ละแห่งในการ Convert ไปสู่การปิดการขาย ซึ่งผู้ใช้งานอย่างเราก็จะต้องทำการซื้อสินค้านั้นกับตัวแบรนด์บนเว็บไซต์ของพวกเขาอีกที
เช่น กรณีของ Gourmet ของ The Mall ที่พอเขาไปดูสินค้าบนหน้าร้านเบื้องต้นใน V-Avenue หากต้องการซื้อสินค้านั้นๆ หรือเลือกดูสินค้าอื่นๆ แพลตฟอร์มก็จะนำทางเราไปสู่เว็บไซต์ mcardshop.com/ เพื่อเลือกซื้อสินค้าเพิ่มเติมนั่นเอง (ด้านโลจิสติสก์ AIS เผยว่า ร้านค้าแต่ละเจ้าจะใช้โลจิสติสก์เดิมของตัวเองเลย)
ทั้งนี้ ปรัธนาตั้งเป้าไว้ว่า V-Avenue จะต้องเข้าถึงผู้ประกอบการ SMEs ให้ได้ที่ระดับพันราย เพราะยังมีร้านค้าอีกมากที่ยังไม่ได้รับการสนับสนุน ณ วันนี้ โดยตั้งเป้าเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งาน Early Adopter ที่ชื่นชอบการทดลองใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอในประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ราว 10-15% ของประชากรทั้งประเทศ (กลุ่มนี้ไม่ได้แบ่งตามอายุ แต่แบ่งตามความชื่นชอบในการทดลองใช้เทคโนโลยี) โดยในอนาคตอาจจะต่อยอดไปสู่การเปิดแอปพลิเคชัน V-Avenue ด้วย แต่จะยังคงเน้นการใช้งานบนเว็บไซต์เป็นหลัก