อุตสาหกรรมการบินได้รับการโจมตีเสมอมาว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุดอุตสาหกรรมหนึ่ง หนึ่งในสาเหตุของปัญหาโลกร้อน ที่ยามนี้พัฒนากลายเป็น ‘โลกรวน’ แน่นอนว่าประเด็นนี้ยังถูกจับตามองจากนักอนุรักษ์เสมอมา แม้มีหลายสายการบินพยายามเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงชีวภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้วก็ตาม
ในงาน Farnborough Airshow นอกกรุงลอนดอน สัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัท Airbus และ CFM International ได้นำ Airbus A380 เครื่องบินโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลก มาบินสาธิตการใช้เครื่องยนต์พัดลมแบบเปิดสุดไฮเทค ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 20%
A380 เป็นเครื่องบินขนาดใหญ่ ได้รับฉายาว่า ‘ซูเปอร์จัมโบ้’ อย่างที่ทราบกันดี แม้จะมีขนาดใหญ่ กว้างขวาง นั่งสบาย และเป็นที่รักของนักเดินทางมากแค่ไหน แต่ยอดสั่งซื้อจากสายการบินพาณิชย์กลับลดน้อยลง เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดูแลสูง ประกอบกับการแพร่ระบาดของโควิด ทำให้หลายสายการบินเลือกใช้เครื่องบินขนาดเล็กและกลางมากขึ้น แทนเครื่องบินขนาดใหญ่เพื่อบินระยะไกล
CFM เป็นบริษัทลูกในความร่วมมือของ GE และ Safran Aircraft Engines ได้พัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนขั้นสูง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสาธิตนวัตกรรมปฏิวัติสำหรับเครื่องยนต์ที่ยั่งยืน หรือ Revolutionary Innovation for Sustainable Engine (RISE)
จุดมุ่งหมายของการโชว์ครั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการอื่นในอุตสาหกรรมการบินทำความเข้าใจการทำงานของเครื่องยนต์ ปีก และแอโรไดนามิก ที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิง ซึ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1 ใน 5 เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในปัจจุบัน และสามารถใช้ร่วมกับเชื้อเพลิงชีวภาพ SAF ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้ 100%
อุตสาหกรรมการบินให้คำมั่นสัญญาว่า จะเข้าสู่ยุคการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 และดูเหมือนว่าเทคโนโลยีใหม่นี้สามารถช่วยสนับสนุนได้
ภาพ: Shutterstock
อ้างอิง: