วันนี้ (31 ธันวาคม) พล.อ.อ. นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ เปิดเผยว่า กองทัพอากาศกำลังพิจารณาจัดหาเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่ ทดแทนเครื่องบินขับไล่รุ่นเก่าที่ล้าสมัย ซ่อมบำรุงยาก ไม่คุ้มค่า และไม่ปลอดภัยในการบิน โดยเห็นว่าเครื่องบินขับไล่ ‘F-35’ ของบริษัท ล็อกฮีด มาร์ติน สหรัฐอเมริกา เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะปัจจุบันราคาลดลงจากเดิมจากช่วงที่ออกสู่ตลาดใหม่ๆ ราคาเครื่องเปล่า 142 ล้านดอลลาร์ต่อเครื่อง เมื่อมีความต้องการและมีการผลิตมากขึ้น ทำให้ราคาลดต่ำลง ด้วยกลไกของการตลาดและการเมืองจากการรวมกลุ่มพันธมิตร ทำให้ราคาลดลงเหลือ 82 ล้านดอลลาร์ต่อเครื่อง ขณะที่เครื่องบิน Gripen รุ่นใหม่ราคาสูงถึง 85 ล้านดอลลาร์ต่อเครื่อง ดังนั้น F-35 จึงไม่ใช่เครื่องบินที่เราเอื้อมไม่ถึง อยู่ที่การต่อรองราคากับบริษัทให้ได้ราคาต่ำที่สุด ซึ่งเป็นไปได้ว่าเราจะได้ในราคาหลัก 70 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป เพราะตลาดเครื่องบินรบรายอื่นแทบขายไม่ออก
ทั้งนี้ จะริเริ่มตั้งโครงการในแผนงบประมาณ 2566 ทันที เพราะถ้าไม่รีบทำตอนนี้ราคาอาจจะสูงขึ้น และถ้าในที่สุดต้องลุยก็ต้องชี้แจงให้สังคมเข้าใจกระจ่างชัดในทุกประเด็น โดยอาจมีการตั้งคณะกรรมการศึกษาฯ ควบคู่ไปด้วยในช่วง 5 ปีนี้ เพราะการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการบินเดินหน้าไปเร็วมาก ซึ่งคำว่าศึกษาก็เหมือนเป็นการเดินเครื่อง ถ้าเราพูดคำว่าซื้อเลย เดี๋ยวจะโดนทัวร์ลง แต่ยังเชื่อว่าทัวร์จะไม่ลง
“เราเชื่อว่าผู้ที่เข้าใจจะสนับสนุนเรา เพราะเราไม่ได้ซื้ออาวุธ แต่เราซื้อเครื่องมือเพื่อความปลอดภัยของประชาชน เราเป็นเพียงผู้ใช้ให้ประชาชนเท่านั้น ถ้าประชาชนอยากได้ใช้งานเอง สมัครมาเป็นทหารอากาศ มาร่วมเป็นร่วมตายกับเรา” พล.อ.อ. นภาเดช กล่าว
เมื่อถามว่า มีการมองว่าเป็นการซื้ออาวุธในช่วงที่ประเทศขาดแคลนงบประมาณจากผลกระทบของโควิดนั้น พล.อ.อ. นภาเดช กล่าวว่า เรายอมรับในความไม่มี รับทราบถึงสถานการณ์ดังกล่าว และเมื่อยอมรับก็ต้องหาหนทางที่จะนำไปสู่เป้าหมาย ด้วยการทยอยจัดซื้อครั้งละน้อย แต่เลือกของที่มีคุณภาพสูง และเรียนรู้เทคโนโลยีที่ได้รับ ซึ่งถ้าทำจริงๆ กองทัพอากาศไม่มีวันที่จะทำร้ายประชาชนให้เดือดร้อน เพราะเรารู้สถานการณ์อยู่แล้ว แต่คงต้องถามประชาชนว่ารับได้หรือไม่ อย่างที่บอกว่าตนและกองทัพอากาศรักสิ่งที่เราทำเหมือนลูก และสิ่งที่เรามีไม่ใช่เพื่อตัวเราเอง แต่เพื่อประชาชน
ภาพ: lockheedmartin.com