Emad Mostaque ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ ซีอีโอ บริษัท Stability AI เผยมุมมองต่อ AI (Artificial Intelligence) กับนักวิเคราะห์จาก UBS ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า อุตสาหกรรม AI จะสร้างโอกาสสำหรับการลงทุนมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 35 ล้านล้านบาท แต่ในขณะเดียวกัน AI ก็จะเป็นฟองสบู่ลูกที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เช่นกัน
โดยซีอีโอบริษัท Stability AI รายนี้ยังตั้งชื่อให้กับฟองสบู่ลูกนี้ว่า ‘Dot AI Bubble’ อย่างไรก็ตาม เขาย้ำเตือนว่า เรายังไม่ก้าวเข้าสู่ฟองสบู่ลูกนี้เลยด้วยซ้ำ
Mostaque ยังแสดงมุมมองต่ออุตสาหกรรม AI เพิ่มเติมว่า ในขณะนี้เรายังอยู่ในระยะเริ่มต้นของวงการ AI เพียงเท่านั้น และยังไม่พร้อมสู่การใช้งานในวงกว้าง (Mass Adoption) เท่าไรนักกับอุตสาหกรรมที่สำคัญ อาทิ ภาคธนาคาร แต่วันหนึ่งในอนาคตต้องถูกนำไปใช้อย่างแน่นอน
Stability AI เป็นบริษัทที่อยู่เบื้องหลัง Stable Diffusion ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือสร้าง AI ที่ได้รับความนิยมมากกว่า OpenAI โดย Stable Diffusion จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างภาพที่เหมือนจริงได้ด้วยการป้อนข้อความ ปัจจุบันมีผู้ใช้งานแล้วมากกว่าล้านคน และระดมทุนได้มากกว่า 100 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุน รวมถึง Coatue และ Lightspeed Venture Partners
ทั้งนี้ Generative AI ถือเป็นการมาถึงของเทคโนโลยีที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของคนหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ ผู้บริหารห้องประชุม หรือแม้แต่นักเรียนในโรงเรียน ด้วยความสามารถในการสร้างภาษาและเนื้อหาภาพที่เหมือนมนุษย์ตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อตอบสนองต่อคำสั่งของผู้ใช้โดยใช้ข้อมูลจำนวนมหาศาล
ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ถือเป็นเทคโนโลยีที่มีมานานแล้ว โดยตอนนี้เทคโนโลยีนี้เป็นคุณลักษณะทั่วไปของการท่องเว็บออนไลน์ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และผู้ช่วยที่บ้าน นอกเหนือจากการใช้งานของผู้บริโภคแล้ว เทคโนโลยีนี้ยังถูกนำไปใช้ทางการแพทย์, การขนส่ง, หุ่นยนต์, วิทยาศาสตร์, การศึกษา, การเงิน, การป้องกันประเทศ และอุตสาหกรรมอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม รูปแบบใหม่ของ AI ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้คือ Generative AI ซึ่งใช้ในเครื่องมือต่างๆ เช่น AI Chatbot ยอดนิยมอย่าง ChatGPT จากบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ OpenAI เช่นเดียวกับ Google Bard และ Microsoft Bing Chat และตัวสร้างรูปภาพ เช่น DALL-E การแพร่กระจายที่เสถียร และ Midjourney
Mostaque กล่าวว่า จำนวนเงินลงทุนทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับ AI นั้นน่าจะอยู่ที่ราว 1 ล้านล้านดอลลาร์ ‘เพราะ AI มีความสำคัญมากกว่า 5G ในฐานะโครงสร้างพื้นฐานสำหรับความรู้’ และธนาคารที่แนะนำ เช่น UBS จะต้องนำเทคโนโลยีมาใช้ เนื่องจากเป็น ‘ตลาดขนาดใหญ่’ (Mass Market)
อย่างไรก็ตาม Mostaque ประเมินว่า ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา AI และ AI เองก็ยังไม่พร้อมที่จะนำไปปรับใช้ในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อาทิ บริการทางการเงิน และยืนยันว่าบริษัทที่ไม่ใช้ AI อย่างเหมาะสมในธุรกิจของตนจะถูกลงโทษโดยตลาดหุ้น
ซีอีโอของ Stability AI ได้ยกตัวอย่างของ Google ซึ่งสูญเสียเงิน 1 แสนล้านดอลลาร์ภายในวันเดียว หลังจากที่ Bard AI Chatbot ให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องในวิดีโอโปรโมตเมื่อเปิดตัว
ปัจจุบัน Google กำลังแข่งขันอย่างรุนแรงกับ Microsoft เพื่อคว้าชัยในการแข่งขันเพื่อสร้างเครื่องมือ AI ที่เหนือกว่าอีกฝ่าย
ทั้งนี้ Mostaque กล่าวว่า เทคโนโลยี AI ไม่ใช่เรื่องแต่งในนิยายวิทยาศาสตร์อีกต่อไป ซึ่งยังไม่มีโอกาสเกิดขึ้นในการลงทุนมากนัก แต่จะเป็นหนึ่งในประเด็นการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และมีแนวโน้มที่จะเห็นผู้คนย้ายจากผู้ผลิตชิปที่ดีที่สุดไปยังบริษัทที่ใช้สิ่งนี้ เพื่อสร้างผลกระทบต่อผลกำไรอย่างเหมาะสม
อ้างอิง: