THE STANDARD พาไปชมบรรยากาศ AI Vision for Thailand ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา เปรียบเสมือนก้าวแรกของประเทศไทยที่จะพัฒนา Sovereign AI ของประเทศ ผ่านความร่วมมือกันของสองบริษัทอย่าง SIAM.AI Cloud และ NVIDIA
หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงานในครั้งนี้คือ Jensen Huang ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง NVIDIA ที่มาร่วมงานด้วยตัวเอง พร้อมกับร่วมพูดคุยแบบ Fireside Chat กับ รัตนพล วงศ์นภาจันทร์ ผู้บริหารสูงสุดของ SIAM.AI Cloud เกี่ยวกับอนาคตของการพัฒนาเทคโนโลยี AI ในไทย
ในฐานะที่เป็น NVIDIA Cloud Partner (NCP) เจ้าแรกที่เจ้าของเป็นคนไทย บริษัท สยาม เอไอ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ประกาศความร่วมมือกับบริษัท NVIDIA ในการพัฒนาระบบ Ecosystem ด้านเทคโนโลยี AI ของไทย ซึ่งประกอบไปด้วย 4 ส่วนสำคัญ ได้แก่
- การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ขั้นสูง: การนำสถาปัตยกรรมอย่าง NVIDIA’s Cutting-Edge AI มาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนากลุ่มงานด้าน AI
- การพัฒนาทักษะและการสร้างอาชีพ: การพัฒนาความสามารถทางด้านโปรแกรมต่างๆ การสร้างอาชีพและโอกาสใหม่ๆ ในการทำงานร่วมกับ AI
- การสร้างความร่วมมือ: การสร้างความร่วมมือกับหลายภาคส่วนของประเทศ รวมถึงสตาร์ทอัพภายในประเทศ, SMEs, มหาวิทยาลัย และหน่วยงานรัฐบาล
- การพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพระบบโครงสร้างพื้นฐาน: การสร้างความร่วมมือกับศูนย์ข้อมูลอันดับต้นๆ ของประเทศ เพื่อยกระดับความสามารถในการประมวลผลข้อมูล
เทคโนโลยี AI ที่กำลังพัฒนาไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้หุ่นยนต์ที่เคลื่อนไหวได้อัตโนมัติจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ
Jensen Huang ลงนามความร่วมมือกับ SIAM.AI Cloud ซึ่งหัวใจสำคัญของความร่วมมือในครั้งนี้คือการนำชิป NVIDIA H100 GPU มาร่วมพัฒนา AI ในไทย ทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านศักยภาพการประมวลผล AI ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยโครงสร้างพื้นฐานนี้มาพร้อมกับแพลตฟอร์ม NVIDIA AI แบบครบวงจร รวมถึงซอฟต์แวร์ NVIDIA AI Enterprise และแผนการขยายไปสู่ GPU รุ่นถัดไป NVIDIA H200 Tensor Core และ NVIDIA GB200 Grace Blackwell Superchip
นอกจากมาลงนามความร่วมมือกับ SIAM.AI Cloud แล้ว Jensen Huang ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง NVIDIA ได้ร่วมสนทนาบนเวที พร้อมกล่าวว่า “NVIDIA มาเพื่อช่วยประเทศไทยพัฒนา Thai AI”
Jensen เน้นย้ำว่า สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเทคโนโลยี AI คือข้อมูล ซึ่งประเทศไทยควรใช้ข้อมูลของตัวเองเพื่อสร้าง Sovereign AI ของตัวเอง
Jensen กล่าวอีกว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้า เทคโนโลยี AI จะถูกใช้แพร่หลายไปทุกที่ ขณะที่ปัจจุบันประเทศที่ให้ความสำคัญกับการเริ่มต้นวางรากฐานของอุตสาหกรรม AI ให้กับประเทศของตัวเองนั้นมีอยู่เพียงแค่ประมาณ 20 ประเทศเท่านั้น ซึ่งประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศอันดับต้นๆ ที่ริเริ่มการวางรากฐานนี้ผ่านการลงทุนของ SIAM.AI Cloud
ภายในงานยังมี Showcase จากทาง SIAM.AI Cloud เกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมา ไปปรับใช้กับอุตสาหกรรมต่างๆ และหนึ่งในนั้นคืออุตสาหกรรมท่องเที่ย
อีกหนึ่ง Showcase คือ AI ที่ถูกนำไปปรับใช้กับวงการแพทย์ อย่างเรื่องของการให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับอุบัติเหตุฉุกเฉิน
นอกจากผู้คนในแวดวงเทคโนโลยี AI งานในครั้งนี้ยังมีผู้คนในแวดวงธุรกิจเข้าร่วมงานจำนวนมาก เช่น ทักษิณ ชินวัตร, ธนินท์ เจียรวนนท์ และ สารัชถ์ รัตนาวะดี
Mahidol x SIAM.AI Cloud บุกเบิกความก้าวหน้าทางการแพทย์ด้วย AI – พลิกโฉมการค้นคว้ายา การถอดรหัสจีโนม และการแพทย์เฉพาะบุคคล ด้วยเทคโนโลยีของ NVIDIA โดยมีเป้าหมายในการสร้างประเทศไทยให้เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการแพทย์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
True IDC x SIAM.AI Cloud พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI ล้ำสมัยและบริการ GPU-as-a-Service เพื่อเร่งศักยภาพของภาครัฐและงานวิจัยในประเทศไทย ทำให้การเข้าถึงการประมวลผล AI ขั้นสูงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้สำหรับทุกคน และส่งเสริมนวัตกรรมในภาครัฐ การศึกษา และสถาบันวิจัย
GSA x SIAM.AI Cloud โครงสร้างพื้นฐานศูนย์ข้อมูลระดับองค์กรเพื่อสนับสนุนบริการ AI รุ่นใหม่ของ SIAM.AI Cloud โดยมอบฐานรากที่มั่นคงสำหรับระบบนิเวศ AI ของประเทศไทย พร้อมรับประกันทรัพยากรการประมวลผลที่เชื่อถือได้ ปลอดภัย และขยายตัวได้สำหรับธุรกิจทั่วประเทศ
DAMAC x SIAM.AI Cloud ร่วมสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI Cloud ที่ล้ำหน้าที่สุดในประเทศไทย โดยใช้เทคโนโลยีจาก NVIDIA ในศูนย์ข้อมูลระดับโลกของ DAMAC เพื่อให้ธุรกิจและองค์กรทั่วประเทศสามารถเข้าถึงทรัพยากรการประมวลผล AI ขั้นสูง และเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล
STT GDC x SIAM AI สร้างห้องปฏิบัติการระบายความร้อนด้วยของเหลวแห่งแรกในประเทศไทยสำหรับการประมวลผล AI ประสิทธิภาพสูง พร้อมกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการประมวลผลขั้นสูงที่เพิ่มขึ้นของประเทศ