วันนี้ ผมอยากจะขอพูดถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ในอุตสาหกรรมความสวยความงามกันสักเล็กน้อย โดย AI กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงและกำหนดทิศทางใหม่ให้กับอุตสาหกรรมนี้ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของบ้านเราที่ตลาดความงามมีความหลากหลายและเติบโตเร็วที่สุดในโลก อีกทั้งยังมีแนวโน้มจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่ทำให้ยอดขายสินค้าความงามทั่วโลกเติบโตได้เกือบสองในสามภายในปี 2570 อีกด้วย
ซึ่งการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ความงามในปัจจุบันนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จากเดิมที่ผู้เชี่ยวชาญที่เคาน์เตอร์หน้าร้าน นิตยสารแฟชั่น หรืออินฟลูเอนเซอร์ มีบทบาทหลักในการให้คำแนะนำและสร้างแรงบันดาลใจในการเลือกสินค้าให้ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคนี้กำลังถูกส่งต่อสู่ AI ที่ผสานนวัตกรรมอย่างการวินิจฉัยสภาพผิวและออกแบบผลิตภัณฑ์เฉพาะบุคคล ทำให้อุตสาหกรรมนี้ไม่เพียงแต่ปรับตัว แต่กำลังสร้างประสบการณ์ความงามรูปแบบใหม่ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคยุคดิจิทัล
ด้วยเหตุนี้ ผู้ประกอบการที่สามารถปรับตัวรับต่อการเปลี่ยนแปลงได้จะสามารถรักษาความเป็นผู้นำ ไม่เพียงเฉพาะในตลาดความงามเท่านั้น โดยบทวิจัยล่าสุด Value in Motion ของ PwC ชี้ว่า ในทศวรรษที่จะถึงนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญจาก AI สภาพภูมิอากาศ และเมกะเทรนด์อื่นๆ ซึ่งส่งผลให้เกิดความต้องการใหม่ของผู้บริโภค และขับเคลื่อนให้เกิดแนวคิดธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ อีกทั้งความร่วมมือข้ามอุตสาหกรรมมากขึ้น ทั้งนี้ ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยปัจจุบันธุรกิจความงามไม่ได้จำกัดอยู่แค่เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว แต่ยังได้ขยายขอบเขตสู่แพลตฟอร์มด้านสุขภาพและเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มศักยภาพในการตอบโจทย์ลูกค้าในยุคใหม่อีกด้วย
อย่างไรก็ดี การประยุกต์ใช้ AI นั้นเปรียบเสมือนดาบสองคม โดยข้อมูลจากบทความในหัวข้อ Beauty and the (AI) Beast – The makeover of personalisation, simplicity and trust ของ PwC ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้ระบุถึงสามความท้าทายสำคัญการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ พร้อมนำเสนอแนวทางที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการก้าวข้ามความเปลี่ยนแปลงสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนได้ ดังนี้
1. แก้ไขปัญหาอคติจาก AI: ลองจินตนาการว่า AI ในวงการความงามจะกลายเป็นเหมือน ‘ช่างแต่งหน้าส่วนตัว’ ที่เข้าใจทุกสีผิว วัฒนธรรม และบริบทของแต่ละตลาด ด้วยการแนะนำผลิตภัณฑ์และบริการได้อย่างตรงใจ ไม่ตกหล่นเอกลักษณ์ของแต่ละชาติ โดยผู้ประกอบการควรเริ่มจากการปรับชุดข้อมูลและแบบจำลองให้ครอบคลุมเทรนด์เฉพาะ เช่น ‘ผิวกระจก’ สไตล์เกาหลี หรือ ‘ผิวบ่มแดด’ สไตล์ฟิลิปปินส์ โดยร่วมมือกับแพทย์ผิวหนังท้องถิ่นและผู้ผลิตในประเทศ พร้อมเปิดโอกาสให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการแจ้งปัญหาและแบ่งปันข้อมูล เพื่อเพิ่มความแม่นยำ โปร่งใส และลดอคติ
2. หลีกเลี่ยงกับดักตัวเลือกที่มากเกินไป: บ่อยครั้งที่การเพิ่มทางเลือกด้วย AI ที่มากเกินไปไม่ได้ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจดีขึ้นเสมอไป โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีสินค้าความงามที่ความหลากหลายจนสร้างความสับสน ดังนั้น ผู้ประกอบการควรเลือกแนะนำเฉพาะสิ่งที่เกี่ยวข้องและเหมาะสมกับบริบทจริง ๆ ไม่ใช่แค่ตามประวัติการดูสินค้า และให้เหตุผลชัดเจนกับทุกคำแนะนำเพื่อสร้างความไว้วางใจ โดยมุ่งเน้นที่ ‘คุณค่า’ มากกว่า ‘ปริมาณ’ พร้อมเน้นผลิตภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมุ่งลดความซับซ้อนให้แก่ลูกค้า
3. สร้างและรักษาความไว้วางใจ: AI ต้องโปร่งใสและรับผิดชอบ บทความชิ้นนี้ของ PwC ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยังระบุด้วยว่าผู้บริโภคในภูมิภาคนี้นั้นให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและมีความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลสูง โดยความไว้วางใจ (trust) กลายเป็นสิ่งสำคัญอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งข้อมูลชี้ว่าเจ็ดในสิบผู้บริโภคแสดงความกังวลเกี่ยวกับวิธีการที่บริษัทต่าง ๆ เก็บรวบรวมข้อมูลของพวกเขา โดยตัวเลขนี้ยิ่งสูงขึ้นในฟิลิปปินส์ (86%) ไทย (81%) และสิงคโปร์ (81%) ด้วยเหตุนี้ ผู้ประกอบการควรต้องคำนึงถึงประเด็นนี้เป็นอย่างแรก เพื่อสร้างความโปร่งใสและไม่เก็บข้อมูลโดยไม่ได้รับความยินยอมอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ควรต้องเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่าใช้ AI ถูกนำมาใช้ในขั้นตอนไหน และอธิบายให้ชัดเจนว่าข้อมูลอะไรถูกเก็บและใช้อย่างไร พร้อมให้ลูกค้าสามารถควบคุมข้อมูลของตนเองได้ เช่น ใช้ข้อมูลที่ลูกค้ายินยอมแชร์โดยตรง เก็บข้อมูลเท่าที่จำเป็นและปกป้องความปลอดภัยเสมอ ตลอดจนอัปเดตระบบ AI อย่างต่อเนื่องตามเทรนด์และเสียงตอบรับจากผู้ใช้งาน และนำแนวทางและกรอบการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบมาใช้ให้เป็นจุดเด่นที่ไม่ใช่แค่การทำตามข้อบังคับ แต่ต้องการสร้างความไว้วางใจและความภักดีให้เกิดขึ้นกับแบรนด์สินค้าของตนในระยะยาว
ท้ายที่สุด การที่วงการความงามนำ AI และข้อมูลเชิงลึกมาใช้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การสร้างความสะดวกสบายหรือประสบการณ์ที่ตรงใจเท่านั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำหรับความสัมพันธ์ระยะยาวระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค ที่เน้นความโปร่งใส ความน่าเชื่อถือ และการเคารพในความเป็นส่วนตัวของแต่ละบุคคล เมื่อเทคโนโลยีนี้ถูกนำมาใช้ร่วมกับความเข้าใจในมนุษย์อย่างแท้จริง อุตสาหกรรมความงามก็จะสามารถสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งความต้องการและคุณค่าของผู้บริโภคยุคใหม่ พร้อมทั้งขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้
ภาพ: Kmatta / Getty Images
อ้างอิง:
- Beauty and the (AI) Beast – The makeover of personalisation, simplicity and trust, PwC Asia Pacific: https://www.pwc.com/gx/en/about/pwc-asia-pacific/asia-pacific-blogs/beauty-and-the-ai-beast.html
- Value in Motion, PwC:https://www.pwc.com/gx/en/issues/value-in-motion.html
- Responsible AI, PwC: https://www.pwc.com/gx/en/services/ai/responsible-ai.html