การใช้ AI ในแวดวงการศึกษาเป็นหนึ่งในประเด็นถกเถียงที่สำคัญมาตลอดตั้งแต่ Gen AI แพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก โดยเฉพาะกับความกังวลที่ว่า AI กำลังบั่นทอนความสามารถในการเรียนรู้ของมนุษย์หรือไม่
ล่าสุด OpenAI ประกาศเปิดตัว Study Mode ใน ChatGPT เพื่อตอบโจทย์และสลายความกังวลเกี่ยวกับการใช้ AI ในแวดวงการศึกษา โดยฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อพลิกบทบาทของ AI จากเดิมที่เป็นเพียง ‘ผู้บอกคำตอบ’ ให้กลายเป็น ‘ผู้แนะแนวการเรียนรู้อัจฉริยะส่วนตัว’ ที่จะคอยตั้งคำถามนำ ช่วยแก้ปัญหาทีละขั้นตอน และส่งเสริมการเรียนรู้ที่ลึกซึ้งอย่างแท้จริง
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นการตอบคำถามสำคัญที่ว่า จะทำอย่างไรให้ AI เป็นเครื่องมือสนับสนุนการเรียนรู้ ไม่ใช่เครื่องมือสำหรับหาทางลัดหรือทุจริต ซึ่งเป็นประเด็นถกเถียงสำคัญนับตั้งแต่ Generative AI ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่นักเรียนนักศึกษาทั่วโลก
จาก ‘ผู้บอกคำตอบ’ สู่ ‘ผู้สอนอัจฉริยะ’ ที่สอนให้คิด
ChatGPT ได้กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือการเรียนรู้ที่ถูกใช้งานมากที่สุดในโลกไปแล้ว แต่ก็มาพร้อมกับคำถามถึงการใช้งานที่เหมาะสม OpenAI จึงได้พัฒนาร่วมกับครู นักวิทยาศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านครุศาสตร์ เพื่อสร้าง Study Mode ที่มีพฤติกรรมสนับสนุนการเรียนรู้ที่แท้จริง
หัวใจของ Study Mode คือ แทนที่จะให้คำตอบสุดท้ายทันที AI จะใช้ การตั้งคำถามชี้นำแบบโสกราตีส (Socratic Questioning) เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์, ให้คำใบ้เมื่อติดขัด และปรับแนวทางการสอนให้เหมาะสมกับระดับความเข้าใจของผู้ใช้งานแต่ละคน
ร็อบบี้ ทอร์นีย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายโปรแกรม AI ของ Common Sense Media กล่าวว่า “แทนที่จะทำงานแทนนักเรียน Study Mode กลับกระตุ้นให้นักเรียนคิดอย่างมีวิจารณญาณเกี่ยวกับการเรียนรู้ของตนเอง ฟีเจอร์เช่นนี้เป็นก้าวเชิงบวกสู่การใช้ AI เพื่อการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ”
เจาะลึกฟีเจอร์หลักของ Study Mode
- Prompt เชิงโต้ตอบ (Interactive Prompts) ใช้คำถามชี้นำ, คำใบ้ และการกระตุ้นให้ไตร่ตรองตนเอง เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เชิงรุก
- การตอบสนองแบบมีโครงสร้าง (Scaffolded Responses) ย่อยข้อมูลที่ซับซ้อนให้เป็นส่วนๆ ที่เข้าใจง่าย ชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงของเนื้อหา และลดความรู้สึกท่วมท้น
- การสนับสนุนเฉพาะบุคคล (Personalized Support) ปรับบทเรียนให้เหมาะสมกับระดับทักษะของผู้ใช้แต่ละคนผ่านการประเมินและจดจำการสนทนาก่อนหน้า
- การตรวจสอบความรู้ (Knowledge Checks) มีแบบทดสอบและคำถามปลายเปิดเพื่อวัดความเข้าใจและช่วยให้จดจำความรู้ได้ดียิ่งขึ้น
จากการทดสอบในช่วงแรกกับกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย ฟีเจอร์นี้ได้รับการตอบรับในเชิงบวกอย่างมาก โนอาห์ แคมป์เบลล์ นักศึกษาคนหนึ่งเปรียบเปรยว่า “มันเหมือน Office Hours ที่มีชีวิต ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน และรอบรู้ทุกอย่าง” ขณะที่ แม็กกี้ หวัง นักศึกษาอีกคนเล่าว่า Study Mode ช่วยให้เธอเข้าใจแนวคิดทางเทคนิคที่ซับซ้อนซึ่งเธอเคยพยายามเรียนรู้มาหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ ได้ในที่สุดหลังจากใช้เวลาเรียนกับ AI นาน 3 ชั่วโมง
OpenAI ยอมรับว่านี่เป็นเพียงก้าวแรก ปัจจุบัน Study Mode ขับเคลื่อนด้วยชุดคำสั่งที่กำหนดขึ้นเอง และอาจยังมีพฤติกรรมที่ไม่สม่ำเสมออยู่บ้าง แต่เป้าหมายในระยะยาวคือการเรียนรู้จากพฤติกรรมของผู้ใช้งานจริง และนำไปฝึกฝนโมเดลหลักให้มีพฤติกรรมการสอนเช่นนี้โดยตรง
นอกจากนี้ บริษัทยังกำลังสำรวจการพัฒนาฟังก์ชันเพิ่มเติม เช่น การแสดงภาพ (Visualizations) สำหรับแนวคิดที่ซับซ้อน, การตั้งเป้าหมายและติดตามความคืบหน้าในการเรียนรู้ และการปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยชั้นนำอย่าง Stanford University’s Accelerator for Learning เพื่อศึกษาผลกระทบของ AI ต่อการเรียนรู้ในเชิงลึกต่อไป
การเปิดตัว Study Mode ครั้งนี้ จึงเป็นความเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของ OpenAI ในการวางตำแหน่ง ChatGPT ให้เป็นพันธมิตรที่ทรงพลังในระบบนิเวศการศึกษา และเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความพยายามในการสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและความรับผิดชอบต่อสังคมการเรียนรู้ทั่วโลก
อ้างอิง: