×

AI ถึงวันฟองสบู่แตกแล้วจริงหรือ? เจาะลึกวัฏจักรตลาด ถอดรหัสโอกาสการลงทุน

01.12.2025
  • LOADING...

กระแสการเติบโตของ AI ได้ขับเคลื่อนทั้งเศรษฐกิจและตลาดหุ้นให้ปรับตัวสูงต่อเนื่อง หุ้น Nvidia และ Alphabet ปรับตัวขึ้นมากกว่า 40% ด้าน Broadcom ก็ปรับตัวมากกว่า 50% ในปี 2025 ส่งผลให้ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวขึ้น 15% และ 20% ตามลำดับ คำถามที่เกิดขึ้นมาในใจของนักลงทุนทั่วโลกคือ “เรากำลังอยู่ในภาวะฟองสบู่ลูกใหญ่แล้วหรือไม่?” และ “งานเลี้ยงนี้ใกล้จะเลิกราแล้วหรือยัง?”

 

UOB Privilege Banking ได้รวบรวมข้อมูลเชิงลึก ทั้งสถิติย้อนหลัง การวิเคราะห์วัฏจักรฟองสบู่ และทิศทางผลประกอบการที่แท้จริง เพื่อตอบคำถามว่า AI ยังเป็น “เมกะเทรนด์” หรือกำลังจะเป็น “หายนะ” พร้อมนำเสนอกลยุทธ์การปรับพอร์ตเพื่อรับมือความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น

 

จับสัญญาณชีพตลาด กำไรหุ้นสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่ง

 

สิ่งที่แยก “ฟองสบู่” ออกจาก “การเติบโตที่แท้จริง” คือผลกำไรและการลงทุนที่จับต้องได้ ข้อมูลล่าสุดชี้ชัดว่ากระแส AI ไม่ได้ลอยอยู่บนอากาศ

 

หากดูการเติบโตกำไรของดัชนี Nasdaq-100 ซึ่งเป็นดัชนีที่มีสัดส่วนหุ้น AI มากที่สุด ได้ปรับตัวขึ้นและมีคาดการณ์การเติบโตของกำไรมากที่สุดเมื่อเทียบกับดัชนีอื่นที่มีสัดส่วนหุ้น AI น้อยกว่า เช่น S&P500, Stoxx600 Europe และ Asia Pacific เป็นต้น และการปรับตัวขึ้นมากกว่า 50% ของราคาหุ้นกลุ่ม “Magnificent 7” รวมถึง Broadcom และ AMD พบว่า 35% ถูกขับเคลื่อนด้วยการเติบโตของกำไรที่มาจาก ความต้องการด้าน AI ของบริษัทผู้ผลิตชิป, Cloud computing และ AI Chatbots

 

การเติบโตของกำไร (EPS Growth) ของดัชนี S&P500 ไตรมาส 3 อยู่ที่ 13.4% ในขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีมี EPS Growth สูงถึง 16% หุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI ต่างก็มีรายได้ที่ดีกว่าคาดและยังเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตของกำไรในภาพรวม ได้แก่ Alphabet, Nvidia, Microsoft และ Amazon

 

นักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์การเติบโตของกำไรที่สูงขึ้นในอีก 4 ไตรมาสข้างหน้า ( Q4/25-Q3/26) ของหุ้นกลุ่ม Magnificent 7 โดยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรอยู่ที่ 19.8%, 18.5%, 22.1% และ 24.5% ตามลำดับ

 

AI วันนี้ vs Dotcom ปี 2000: เหมือนหรือต่าง?

 

เมื่อเปรียบเทียบกับวิกฤต Dotcom เราพบความแตกต่างเชิงโครงสร้างที่สำคัญที่ทำให้ AI แข็งแกร่งกว่า

 

AI ถึง วันฟองสบู่แตกแล้วจริงหรือ? เจาะลึก วัฏจักรตลาด ถอดรหัส โอกาสการลงทุน 1

 

กระแสการลงทุน AI ยังเติบโตต่อ

 

บริษัทด้าน AI ขนาดใหญ่ได้เร่งลงทุนต่อเนื่องเพื่อรองรับการให้บริการด้าน AI โดยเฉพาะกลุ่ม data centers และชิป เงินลงทุนได้เติบโตราว 3 เท่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องใน 1-2 ปีข้างหน้า

 

ตัวเลขที่ยืนยันได้ดีที่สุดคือ “การใช้จ่ายด้านอุปกรณ์” (Equipment spending) ในสหรัฐฯ ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025 เพิ่มขึ้น 8.1% แต่เมื่อเจาะลึกลงไป พบว่า การใช้จ่ายในคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องพุ่งสูงถึง 38.2% ตัวเลขนี้ยืนยันว่าภาคธุรกิจกำลังทุ่มเงินมหาศาลเพื่อวางโครงสร้างพื้นฐาน AI ซึ่งเป็นรากฐานของการเติบโตในระยะยาว

 

การลงทุนเหล่านี้เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ AI นั้นเป็นส่วนช่วยให้ GDP สหรัฐฯเติบโต 1.1% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่ได้แซงหน้าการบริโภคไปแล้ว รวมถึงผลักดันตลาดหุ้นให้เติบโต โดยค่าใช้จ่ายการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ AI คาดว่ายังคงเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตภาคการลงทุนของสหรัฐฯในตลอดทั้งปี 2026 และที่สำคัญบริษัทที่มีการลงทุนใน AI เหล่านี้ล้วนแต่เป็นบริษัทที่มีกำไรที่แท้จริง นอกจากเทรนด์ AI ในสหรัฐฯแล้ว ด้านจีนก็ไม่แพ้กัน รัฐบาลจีนส่งเสริมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน AI และการนำไปใช้งานในภาคอุตสาหกรรมเป้าหมาย

 

AI ถึง วันฟองสบู่แตกแล้วจริงหรือ? เจาะลึก วัฏจักรตลาด ถอดรหัส โอกาสการลงทุน 2

 

AI Theme การลงทุนที่ควรมีติดพอร์ต แต่ก็อย่ากระจุกตัวจนเกินไป

 

แม้ AI จะไม่ใช่ฟองสบู่ที่กลวงเปล่า และมีโอกาสเติบโตอีกมาก แต่การกระจุกตัวในหุ้นเทคฯ ขนาดใหญ่มีความเสี่ยงสูง อีกทั้งการเติบโตของ AI ในอนาคตจะไม่ได้กระจุกตัวอยู่เพียงแค่กลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่เท่านั้น ในหลายอุตสาหกรรมจะมีการทำ AI เข้าไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจมากขึ้น การเติบโตจะแพร่หลายไปมากขึ้น

 

และในไตรมาส 4 ปี 2025 นี้ UOB ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักคำแนะนำการลงทุนในหุ้นจาก Neutral เป็น Overweight โดยมีสถิติที่น่าสนใจจาก Goldman Sachs พบว่า เมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เริ่มลดดอกเบี้ยหลังจากหยุดพักมานานกว่า 6 เดือน และเศรษฐกิจไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย เม็ดเงินจะไหลเข้าตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น 6% โดยเฉลี่ย ส่งผลให้ S&P 500 มักให้ผลตอบแทน +8% ใน 6 เดือน และ +15% ใน 12 เดือนข้างหน้า

 

และในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา 70% ของผลตอบแทนตลาดหุ้นรายปี มักเกิดขึ้นในช่วงเดือนตุลาคมถึงมีนาคม ซึ่งเปรียบเสมือนช่วงเวลาทองสำหรับการสร้างพอร์ตการลงทุน

 

แม้จะเพิ่มน้ำหนักหุ้น แต่อย่าลืม “กระจายการลงทุน” นอกจากหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI เพื่อการเติบโตระยะยาวแล้ว นักลงทุนควรสร้างพอร์ตการลงทุนที่แข็งแกร่งกระจายการลงทุนที่หลากหลายอุตสาหกรรมคัดเลือกหุ้นคุณภาพดี และในช่วงทิศทางดอกเบี้ยขาลงควรเลือกลงทุนในหุ้นปันผลเพื่อสร้าง Income และ UOB Privilege Banking ได้คัดเลือกกองทุนที่น่าสนใจ ดังนี้

 

  • KT-TECHNOLOGY-A (กองทุนเปิดเคแทม World Technology) ลงทุนในกองทุนหลัก Fidelity Funds – Global Technology Fund ความเสี่ยงระดับ 7 ไม่พลาดโอกาสเติบโตในกระแสเทคโนโลยี AI จากทั่วโลก พร้อมให้ความสำคัญกับการคัดเลือกหุ้นที่มีราคาเหมาะสม
  • UGFT (กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ซีไอโอ โกรท ฟันด์ TH) ลงทุนในกองทุนหลัก United CIO Growth Fund – Class T USD Acc ความเสี่ยงระดับ 6 กระจายการลงทุนในหุ้นทั่วโลก โดยมีนโยบายสัดส่วนการลงทุนหุ้น 80 : ตราสารหนี้ 20 มีผู้เชี่ยวชาญดูแลปรับพอร์ตอย่างสม่ำเสมอทั้งภูมิภาค อุตสาหกรรม และประเภทสินทรัพย์เพื่อไม่พลาดโอกาสสร้างผลตอบแทนในทุกภาวะตลาด
  • KFGDIV-A / KFGDIV-D (กรุงศรีโกลบอลดิวิเดนด์เฮดจ์เอฟเอ็กซ์-สะสมมูลค่า หรือ ปันผล) ลงทุนในกองทุนหลัก Fidelity Funds – Global Dividend Fund, Class Y-QINCOME(G)-USD ความเสี่ยงระดับ 6 เน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพดีที่มีศักยภาพการจ่ายเงินปันผล และระดับราคาที่เหมาะสม และมีศักยภาพในการควบคุมความเสี่ยงขาลงได้ในระดับที่ดี ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน

 

สำหรับท่านที่สนใจ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดต่อที่ปรึกษาทางการเงิน (Client Advisor) ของ UOB Privilege Banking โทร. 0 2081 0999 หรือคลิก www.uob.co.th/privilegebanking

 

คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

 

บทความนี้ได้รับการสนับสนุนโดย ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน)

 

UOB Privilege Banking

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising