รายงานการศึกษาล่าสุดของบริษัทร่วมทุน Accel เปิดเผยว่า มูลค่าหุ้นตามราคาตลาดของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ พุ่งแตะ 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ในรอบหนึ่งปี โดยได้รับแรงหนุนจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
รายงานระบุว่า มูลค่าหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น Apple, Microsoft, Alphabet, Amazon และ Nvidia เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 36% เมื่อเทียบเป็นอัตรารายปี ขณะที่ดัชนี Euroscape ของ Accel ซึ่งครอบคลุมถึงบริษัท Cloud ขนาดใหญ่และ Software as a Service (SaaS) เช่น Salesforce, Palantir และ Unity เพิ่มขึ้น 29% ในปี 2023 สวนทางกับปี 2022 ที่ผ่านมา ที่ภาพของ Cloud และ SaaS ย่ำแย่มาก โดยบริษัทในธุรกิจดังกล่าวมีมูลค่าลดลง 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนแห่หนีหุ้นเทคโนโลยีที่มีการเติบโตสูง
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของ Accel พบว่า ความกดดันจากปีที่ผ่านมาเริ่มผ่อนคลายลง และนักลงทุนเริ่มเข้าไปลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมากขึ้น
ในส่วนของดัชนี Nasdaq Composite สำหรับหุ้นในกลุ่มด้านเทคโนโลยีฟื้นตัวกลับมาได้ 80% จากระดับสูงสุดตลอดกาลภายในรอบ 18 เดือน ถือเป็นการฟื้นตัวที่รวดเร็วกว่ามากเมื่อเทียบกับช่วงวิกฤตดอทคอมในทศวรรษ 1990 ซึ่งตามข้อมูลของ Accel ระบุว่า Nasdaq ใช้เวลาประมาณ 14 ปีในฟื้นตัวกลับมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ผู้ก่อตั้ง Baidu เชื่อโมเดล AI ของบริษัทล้ำหน้ากว่า ChatGPT แล้ว หลังเปิดตัว ‘Ernie 4.0’
- Tech War เข้มข้นขึ้น! สหรัฐฯ เตรียมเพิ่มมาตรการสกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีชิปของจีนมากยิ่งขึ้น
สำหรับสาเหตุหลักที่ทำให้หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งในปี 2023 นี้ก็คือ AI ที่เข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของ Cloud และ SaaS โดยกระแส AI เริ่มได้รับการจับตามอง หลัง OpenAI เปิดตัวเทคโนโลยี Generative AI อย่าง ChatGPT ก่อนที่บรรดาบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำทั้งหลายต่างเร่งเปิดตัว Generative AI ของตนเองเช่นกัน เช่น Bard ของ Google หรือ Claude ของ Anthropic เป็นต้น
Philippe Botteri พาร์ตเนอร์ของ Accel กล่าวว่า Generative AI เป็นสิ่งที่กำหนดนิยามใหม่ของซอฟต์แวร์อย่างแท้จริง ก่อนแนะว่าบริษัทซอฟต์แวร์ใดๆ ก็ตามที่ใช้ประโยชน์จาก Generative AI ไม่ว่าจะเป็นบริษัทสตาร์ทอัพ บริษัทใหม่ หรือบริษัทที่มีอยู่แล้ว ควรพิจารณาถึงแนวทางที่เทคโนโลยีดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ในวงกว้างมากขึ้น
ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกาถือเป็นผู้นำในการลงทุนและระดมทุนด้าน Generative AI โดยมี OpenAI และ Anthropic ที่สามารถระดมทุนได้นับพันล้านดอลลาร์ ซึ่ง OpenAI ระดมทุนได้มากที่สุดที่ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามด้วยอันดับ 2 อย่าง Inflection ที่ 1.3 พันล้านดอลลาร์
ด้านยุโรป บริษัท AI ที่ใหญ่ที่สุด 3 แห่งล้วนอยู่ในฝรั่งเศส ได้แก่ Hugging Face (มูลค่า 235 ล้านดอลลาร์), Poolside (มูลค่า 126 ล้านดอลลาร์) และ Mistral AI (มูลค่า 113 ล้านดอลลาร์)
ขณะเดียวกัน รายงานพบว่าจำนวนบริษัทยูนิคอร์นกลับคืนสู่ระดับก่อนเกิดโควิดแล้ว โดยมีบริษัทด้าน AI ครองสัดส่วนบริษัทใหม่มูลค่าพันล้านดอลลาร์เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ ในยุโรปและอิสราเอล 40% ของยูนิคอร์นใหม่อยู่ในระบบ Generative AI ส่วนในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 80%
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งซบเซาในช่วงต้นปีเริ่มกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้จะอยู่ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง โดยนักลงทุนเริ่มปรับพอร์ตการลงทุนด้วยการให้ความสำคัญกับการเติบโตและการขยายตัวมากกว่าผลกำไรระยะสั้น ขณะที่บริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีเองก็มีการเดินหน้าลงทุนผ่านความร่วมมือหรือการควบรวมกิจการเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
อ้างอิง: