วันนี้ (21 ตุลาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง ร่วมเสวนาวิชาการ ‘ความจริงของ 3 สาร จากคนทำงาน สู่ผู้บริโภค’ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชนแสดงจุดยืน ในการยกเลิกการใช้ 3 สารเคมีอันตรายทางการเกษตร เพื่อให้ประชาชนสังคมได้รับข้อมูลที่รอบด้าน เกี่ยวกับสารเคมีอันตรายทางการเกษตร 3 สาร คือ พาราควอต ไกลโฟเซต คลอร์ไพริฟอส จากผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ เกษตรกร ผู้ทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย
“การเสวนาครั้งนี้เป็นไปเพื่อให้ทุกคนได้รับองค์ความรู้ ข้อมูลเพิ่มเติมถึงความรุนแรง ผลกระทบต่อสุขภาพ หากยังใช้ 3 สาร คือ พาราควอต, ไกลโฟเซต และ คลอร์ไพริฟอส ต่อพี่น้องประชาชน รวมทั้งเกษตรกร ซึ่งเป็นผู้เคราะห์ร้ายจากผลการใช้สารเคมี ต้องเจ็บป่วย สูญเสียอวัยวะ ที่สำคัญยังพบว่า มีผลไปถึงทารกในครรภ์ ดังนั้นจำเป็นต้อง ‘ห้ามใช้ ห้ามขาย ห้ามตาย’ เรื่องกำไรขาดทุนเอามาแลกกับความเจ็บป่วย ทุกข์ทรมาน การตายจากการใช้สารเคมีไม่ได้เด็ดขาด ซึ่งไม่เฉพาะ 3 สารเท่านั้น แม้แต่สารเคมีอื่นๆ ที่เป็นอันตราย ก็ไม่สนับสนุนให้ใช้”
นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวเพิ่มเติมว่า การเสวนาวิชาการในครั้งนี้ มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ร่วมรับฟังด้วย ซึ่งผู้ร่วมเสวนาได้ใส่เสื้อขาวเป็นสัญลักษณ์ยกเลิกการใช้สารเคมีอันตรายทางการเกษตรทั้ง 3 สาร เพื่อกำลังใจ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่เปรียบเสมือนด่านแถวหน้าในการต่อสู้เพื่อพี่น้องประชาชนและเกษตรกร รวมถึงคณะกรรมการ 3 ท่าน คือ อธิบดีกรมการแพทย์, อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเลขาธิการ อย. ที่จะเป็นตัวแทนทำหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการโหวตชี้ชะตา 3 สารเคมีอีกครั้ง ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมดังกล่าว
มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จุดกำเนิดของการแบน 3 สารเคมี มาจากสมัยที่ยังทำงานการเมืองท้องถิ่น โดยมีโอกาสเห็นว่ามีการใช้สารข้างต้น จนมีเกษตรกรไม่น้อยที่ต้องป่วยด้วยอาการต่างๆ เช่น เท้าเน่า ซึ่งส่วนตัวเห็นแล้วรู้สึกทุกข์ทรมาณ จึงคิดว่าหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่ จึงมีการหาทางแก้ไขมากมาย ซึ่งสุดท้ายการแบนสารเคมีทั้ง 3 ชนิด จึงเป็นทางออกที่ดี เพื่อประชาชนและเกษตรกรไทย
“ระหว่างที่เราเดินมาตรการดังกล่าว เราได้พูดคุยกับบุคคลในวงการเกษตรมาไม่น้อย เช่น คนที่ทำไร่อ้อยมากที่สุดในประเทศไทย เราก็ได้ติดต่อพูดคุยกันแล้ว ซึ่งเขาได้บอกกับเราว่า ไม่อยากใช้แล้ว เพราะได้เห็นพิษภัยที่อันตรายจากข่าวที่กรมสาธารณสุขออกให้ประชาชนได้รับรู้ สุดท้ายในฐานะ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เราอยากบอกว่า ทุกอย่างมีที่มาที่ไป ซึ่งเราก็ประชาสัมพันธ์บอกไปทุกวิถีทาง ก็ได้แต่หวังว่า ประชาชนจะเข้าใจ และขอความเมตตากรุณาจากคณะกรรมการที่จะประชุมในวันพรุ่งนี้ได้เห็นว่า คนไทยยังต้องการมีสุขภาพที่ดีอยู่ต่อไป” มนัญญากล่าวทิ้งท้าย
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
