มูฮัมหมัด ราห์มานี (Mohammad Rahmani) หัวหน้าฝ่ายการศึกษาประจำจังหวัดซาร์เอโปล ทางตอนเหนือของอัฟกานิสถาน เปิดเผยกับสำนักข่าว CNN ว่า ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีนักเรียนประถมศึกษาเกือบ 80 คนถูกวางยาพิษ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้หญิง โดยทุกคนถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว
ราห์มานีเปิดเผยว่า หน่วยข่าวกรองของกรมตำรวจประจำจังหวัดซาร์เอโปลกำลังดำเนินการสืบสวนเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ แรงจูงใจคืออะไร และชนิดของยาพิษที่อาจใช้กับเด็กนักเรียนเป็นประเภทใด
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ราห์มานีเปิดเผยว่า เมื่อวันเสาร์ (3 มิถุนายน) เกิดเหตุนักเรียนหญิง 17 คนถูกวางยาพิษในโรงเรียนเดียวกัน ส่วนวันอาทิตย์ (4 มิถุนายน) มีเด็กนักเรียนถูกวางยาเพิ่มอีก 60 คนในโรงเรียนอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่เป็นนักเรียนหญิง โดยเด็กๆ มีอาการวิงเวียน ปวดศีรษะ และคลื่นไส้ จนต้องเร่งส่งตัวไปเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลท้องถิ่น แต่มีเด็ก 14 คนที่อาการค่อนข้างรุนแรง จึงส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมืองเอกของจังหวัด
แพทย์ประจำโรงพยาบาลซาร์เอโปลยืนยันกับ CNN ด้วยว่า มีเด็กเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลจริง และแพทย์เชื่อว่าเด็กเหล่านี้ถูกวางยา หากพิจารณาตามอาการที่ปรากฏ
แม้ขณะนี้แรงจูงใจของการก่อเหตุจะยังไม่แน่ชัด แต่ประเด็นหนึ่งที่น่าจับตาคือเรื่องของการศึกษาของผู้หญิงในอัฟกานิสถานซึ่งมีการถกเถียงกันอย่างมาก โดยนับตั้งแต่ที่กลุ่มตาลีบันเข้ายึดครองประเทศในปี 2021 สิทธิของสตรีก็ถูกลิดรอนอย่างหนัก มหาวิทยาลัยทุกแห่งถูกบังคับใช้กฎใหม่ เช่น ห้องเรียนและทางเดินต้องแยกชาย-หญิง และต้องให้ครูผู้หญิงหรือชายสูงอายุสอนนักเรียนหญิงเท่านั้น ก่อนที่จะสั่งแบนไม่ให้ผู้หญิงระดับชั้นมัธยมศึกษาและอุดมศึกษาได้เรียนหนังสือ
อนึ่ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดกรณีวางยาพิษที่มุ่งเป้าไปยังกลุ่มนักเรียนหญิง โดยในปี 2012 มีผู้หญิงและเด็กหญิงมากกว่า 170 คนต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล หลังจากดื่มน้ำที่เจือด้วยสารพิษในโรงเรียน ซึ่งในเวลานั้นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่นได้กล่าวโทษว่าเป็นการกระทำของกลุ่มหัวรุนแรงที่ต่อต้านการศึกษาของผู้หญิง
ภาพ: WAKIL KOHSAR / AFP
อ้างอิง: