วานนี้ (11 ธันวาคม) การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2020 หรือ AFF Suzuki Cup 2020 เป็นการดวลกันในรอบแบ่งกลุ่มของกลุ่ม A ระหว่างทัพ ‘ช้างศึก’ ทีมชาติไทย (อันดับ 118 ของโลก) พบทีมชาติเมียนมา (อันดับ 148 ของโลก)
ในเกมนี้ มาโน โพลกิง กุนซือทีมชาติไทย ปรับทัพอีกครั้ง ด้วยการเปลี่ยนแปลง 11 ผู้เล่นตัวจริงจากเกมนัดแรก นำโดยดาวเตะซูเปอร์สตาร์อย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีราทร บุญมาทัน, ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร และ ธีรศิลป์ แดงดา มาในระบบ 4-3-1-2
ครึ่งแรกทีมชาติไทยยังคงครองบอลบุกได้มากกว่า กระทั่งนาทีที่ 23 นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม พาบอลมาทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนเปิดเข้ากลางให้ ธีรศิลป์ แดงดา จับบอลนอกกรอบเขตโทษก่อนซัดด้วยขวาบอลเสียบเสาไกล พาทีมออกนำก่อน 1-0
จากนั้นทัพช้างศึกพยายามไล่ทำประตูหวังเบิกประตูเพิ่ม เช่นเดียวกับเมียนมาที่พยายามฉวยโอกาสจากจังหวะสวนกลับ แต่ทำอะไรกันไม่ได้ และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
เริ่มครึ่งหลังทีมชาติไทยยังคงเริ่มต้นด้วยความคึกคัก และในนาทีที่ 50 ทีมชาติไทยมาได้ลูกจุดโทษ จากจังหวะที่ผู้เล่นหมายเลข 17 ของเมียนมาทำฟาวล์ใส่ มานูเอล ทอม เบียร์ห ในกรอบเขตโทษ ก่อนจะเป็นธีรศิลป์รับหน้าที่สังหารอย่างเฉียบคม ช่วยไทยนำห่างเป็น 2-0
นาทีที่ 78 ทัพช้างศึกมาได้ประตูนำห่าง 3-0 จากการพาบอลเล่นริมเส้นของ สุภโชค สารชาติ ก่อนตัดเข้าในให้ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ที่เพิ่งถูกส่งลงสนามได้ 2 นาที ซัดด้วยขวาบอลพุ่งเข้าเสาแรกแบบหมดจด
ช่วงทดเวลานาทีสุดท้ายของเกม ไทยมาบวกสกอร์เพิ่มได้จากจังหวะบุกของทีมไทย โดยวรชิตถ่ายบอลไปทางขวาให้สุภโชคที่ยืนไร้ตัวประกบอยู่คนเดียว ได้หวดด้วยขวาโล่งๆ แม้ผู้รักษาประตูของเมียนมาจะพยายามเซฟ แต่น้ำหนักความแรงของบอลทำให้เซฟไม่อยู่ บอลเข้าประตูไปเป็นสกอร์ที่ 4 ของไทย
จบเกมทีมชาติไทยไล่ต้อนเมียนมาไปได้ 4-0 คว้าเพิ่มอีก 3 แต้ม ขึ้นมาอยู่เป็นจ่าฝูงของกลุ่ม A หลังลงเล่น 2 นัด มี 6 คะแนน
โดยนัดต่อไปทีมชาติไทยมีคิวลงเล่นรอบแบ่งกลุ่มนัดที่ 3 เป็นการพบกับทีมชาติฟิลิปปินส์ ในวันอังคารที่ 14 ธันวาคม 2564 เวลา 16.30 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง 7HD