AEON บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ในญี่ปุ่น เตรียมขึ้นค่าจ้างพนักงานพาร์ตไทม์ 7% เฉลี่ย 2 หมื่นบาท มีผลเดือนมีนาคมนี้ เผยช่วยลดค่าครองชีพ พร้อมจูงใจให้พนักงานอยู่กับบริษัท
Nikkei Asia รายงานว่า AEON ห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ในญี่ปุ่น เตรียมขึ้นค่าจ้างพนักงานพาร์ตไทม์ประมาณ 7% จากจำนวนพนักงานทั้งหมดที่มีอยู่ 40,000 คน ในทุกสาขาที่มีอยู่ 147 แห่ง โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2023 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ เพื่อช่วยรองรับสถานการณ์เงินเฟ้อที่ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น เพราะปัจจุบันบริษัทมีการจ่ายค่าจ้างให้พนักงานพาร์ตไทม์ประมาณ 1,000 เยนต่อชั่วโมง (250 บาท) และยิ่งไปกว่านั้น การเพิ่มค่าจ้างในครั้งนี้จะช่วยดึงดูดพนักงานในช่วงที่หลายๆ บริษัทมีการแข่งขันกันแย่งตัวพนักงานบริการอย่างหนัก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เครือ Aeon เอาด้วย! เตรียมเปิด ‘ซูเปอร์มาร์เก็ตไร้พนักงาน’ โดยใช้เทคโนโลยีจากสตาร์ทอัพสัญชาติจีน
- เงินเฟ้อพื้นฐานญี่ปุ่นแตะ 3.7% สูงสุดรอบ 40 ปี! หนุนธนาคารกลางญี่ปุ่นเปลี่ยนจุดยืนด้านนโยบาย
- ต้องรีบซื้อตุน? เหตุยุค ‘เงินเยน’ อ่อนค่าอาจจบแล้ว! หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ แผ่วกว่าคาด ดึงดอลลาร์อ่อน
สำหรับ AEON เป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ที่มีการจ้างพนักงานพาร์ตไทม์มากที่สุดในญี่ปุ่น โดยพนักงานกว่า 80% ของบริษัทเป็นพนักงานพาร์ตไทม์ ทำให้ค่าใช้จ่ายของการจ้างพนักงานพาร์ตไทม์รายคนของ AEON อยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านเยนต่อปี (3 แสนบาท) และการปรับขึ้นค่าจ้างในครั้งนี้คาดว่าจะทำให้ค่าใช้จ่ายพนักงานต่อคนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 8 หมื่นเยนต่อเดือน (2 หมื่นบาท) ซึ่งจะทำให้ภาพรวมค่าใช้จ่ายของ AEON เพิ่มขึ้นประมาณปีละ 3 หมื่นล้านเยนต่อปี (7.6 พันล้านบาท)
นอกจากนี้ AEON ยังเตรียมติดตั้งเครื่องชำระเงินอัตโนมัติในทุกสาขามากขึ้น ควบคู่กับการพัฒนาร้านค้าและแบรนด์สินค้าเพื่อเพิ่มยอดขายและกำไร
แน่นอนว่าแผนการขึ้นเงินเดือนของ AEON ได้แซงหน้าอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นในเดือนธันวาคม ซึ่งอยู่ที่ 4% โดยทางฝั่งกระทรวงแรงงานของญี่ปุ่นระบุว่า พนักงานพาร์ตไทม์ทั่วไปจะมีรายได้เพียง 60% ถ้าเทียบกับเงินเดือนของพนักงานประจำทั่วไป ซึ่งการขึ้นค่าจ้างดังกล่าวจะช่วยลดค่าครองชีพของผู้ที่มีรายได้น้อย
ความเคลื่อนไหวเรื่องการปรับขึ้นค่าจ้างไม่ได้มีเพียง AEON เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึง Oriental Land ซึ่งเป็นผู้บริหาร Tokyo Disney Resort ที่ล่าสุดได้เตรียมเพิ่มค่าจ้างพนักงานพาร์ตไทม์ประมาณ 1,140-1,530 เยนต่อชั่วโมง (290-390 บาท) โดยจะมีผลในเดือนเมษายน 2023
อ้างอิง: