แรงงานภาคบริการในญี่ปุ่นยังขาดแคลนหนัก AEON ค้าปลีกรายใหญ่ในญี่ปุ่น งัดสวัสดิการจูงใจ รายได้สูง ที่พักเสริมระบบความปลอดภัย ชักชวนชาวต่างชาติฝีมือดีเข้ามาทำงานให้ได้กว่า 4,000 คน ภายในปี 2030
Nikkei Asia รายงานว่า ท่ามกลางวิกฤตตลาดแรงงานที่กำลังขาดแคลนอย่างหนัก AEONบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ในญี่ปุ่น เตรียมเปิดรับพนักงานชาวต่างชาติฝีมือดีจำนวน 4,000 คน ให้ได้ภายในปี 2030
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
สำหรับเงื่อนไขการรับพนักงานจะมี AEON delight เข้ามาช่วยพิจารณาเพื่อเฟ้นหาคนที่มีทักษะเฉพาะทาง เพื่อเข้ามาทำงานในซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีอยู่ 2,700 สาขาทั่วญี่ปุ่น รวมถึงธุรกิจต่างๆ ในเครือ เช่น โรงแรม และโรงพยาบาล โดยปัจจุบันกลุ่มบริษัท AEONมีพนักงานประมาณ 1,500 คน
นอกจากเงินเดือนแล้ว ยังมีสวัสดิการจูงใจ ได้แก่ การจัดหาที่พัก และการช่วยเหลือตลอดระยะเวลาที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น เพื่อทำให้ชาวต่างชาติมั่นใจว่าการเข้ามาทำงานในต่างประเทศจะสะดวกและมีความปลอดภัยต่อการใช้ชีวิต แถมเมื่อไม่นานมานี้ AEONได้ขึ้นค่าจ้างพนักงานพาร์ตไทม์ 7% เฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 20,000 บาท
ขณะเดียวกันบริษัทยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นช่วยจัดหาแรงงานผ่านโครงการ Specified Skilled Worker โดยรัฐบาลได้ขอความร่วมมือจากรัฐบาลอินโดนีเซีย สรรหาพนักงานที่มีทักษะเฉพาะ 16 คน เข้ามาทำงานในองค์กร AEONแต่ก็ยังไม่เพียงพอ
เรียกได้ว่าโครงการดังกล่าวเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานของญี่ปุ่น โดยรัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าจัดหาพนักงานให้ได้ 820,000 คน เพิ่มขึ้นประมาณ 2.4 เท่า ถ้าเทียบกับ 5 ปีที่ผ่านมา เพื่อแก้ไขปัญหาแรงงานภาคบริการขาดแคลนอย่างหนัก
จริงๆ แล้วปัญหาดังกล่าวสะสมมานานกว่า 2-3 ปี สอดคล้องกับผลการสำรวจของ Teikoku Databank ในเดือนเมษายน พบว่า ร้านอาหารและเครื่องดื่มกว่า 57% มีพนักงานประจำไม่เพียงพอ และร้านค้าปลีกต่างๆ ก็ยังขาดแคลนพนักงานบริการหลายตำแหน่ง
นอกจาก AEONแล้ว ยังมีอีกหลายบริษัทที่เปิดรับพนักงานชาวต่างชาติเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น Seven & i Holdings เจ้าของร้าน 7-Eleven เปิดรับพนักงานชาวต่างชาติ 240 คน เข้ามาทำงานในโรงงานแปรรูปอาหาร รวมถึง Watami เจ้าของร้านอาหาร และเจ้าของสถานบันเทิง Izakaya ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้รับพนักงานชาวต่างชาติเข้ามาทำงานกว่า 227 คน เพิ่มขึ้นประมาณ 40% จากปีก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม การจัดหาพนักงานไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะอัตราค่าจ้างในเวียดนาม ไทย และอินโดนีเซีย ใกล้จะเกิน 50% ของค่าจ้างญี่ปุ่นภายในปี 2032 โดยศูนย์วิจัยเศรษฐกิจญี่ปุ่นคาดการณ์ว่า หากค่าจ้างในตลาดบ้านเกิดสูงขึ้นเท่ากับญี่ปุ่น พนักงานชาวต่างชาติก็อาจไม่มีแรงจูงใจที่จะมาทำงานในญี่ปุ่น ดังนั้นหลายบริษัทจึงต้องหาสวัสดิการเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้
อ้างอิง:
