×

ACT เปิดข้อมูล ‘10 ทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง’ ใน อบจ. พบอดีตนายก อบจ.อุบลราชธานีทุจริตมากสุด 42 คดี ส่วนอดีตนายก อบจ.สงขลามีคดีพัวพันมากกว่าจังหวัดอื่น

โดย THE STANDARD TEAM
09.12.2024
  • LOADING...
ACT ทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง

วันนี้ (9 ธันวาคม) องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) Anti-Corruption Organization of Thailand หรือ ACT รายงานข้อมูล ‘10 ทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง’ ในองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่เกิดขึ้นในรอบ 20 ปี (พ.ศ. 2547-2567) ซึ่งใน 10 คดีทุจริตจัดซื้อจัดจ้างล้วนเป็นคดีที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม รวมมูลค่าความเสียหายประมาณการไม่น้อยกว่า 377,000,000 บาท ประกอบด้วย

 

  1. ทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง 42 คดีของอดีตนายก อบจ.อุบลราชธานี ผู้มีคดีทุจริตมากที่สุดในประเทศไทย ปี 2566 คือ พรชัย โควสุรัตน์ อดีตนายก อบจ.อุบลราชธานี 3 สมัยระหว่างปี 2547-2558 กับพวก ถูกร้องเรียนมากถึง 42 คดี สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลไปแล้วหลายคดี มูลค่าความเสียหายรวมสูงถึง 114,000,000 บาท ทำให้พรชัยกลายเป็นอดีตนายก อบจ. ที่มีคดีทุจริตมากที่สุดในประเทศไทย หลายคดีถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิพากษาจำคุก รวมระยะเวลาจำคุกกว่า 30 ปี ปัจจุบันพรชัยอยู่ในสถานะหนีคดี

 

  1. ทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพ โดยอดีตนายก อบจ.ปทุมธานี ปี 2554 เกิดอุทกภัยในจังหวัด ทำให้ อบจ.ปทุมธานีจัดซื้อถุงยังชีพ 2 ครั้ง รวม 6,000 ถุง มูลค่า 3,000,000 บาท เป็นเหตุให้ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด ชาญ พวงเพ็ชร์ กับพวก รวม 12 คน ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และละเลยไม่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ เมื่อศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้องคดี ส่งผลให้ชาญต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ แม้จะเพิ่งชนะการเลือกตั้งได้เป็นนายก อบจ.ปทุมธานี ต่อมาในปี 2567 ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 6 ปี 18 เดือน นอกจากนี้ ชาญยังมีคดีจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายราคาแพงเกินจริงถึงกว่า 40,000,000 บาท ปัจจุบันเรื่องอยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช. 

 

  1. ทุจริตจ้างเหมาขุดลอกลำน้ำของ อบจ.ลำปาง ช่วงปี 2549-2550 สุนี สมมี อดีตนายก อบจ.ลำปาง กับพวก รวม 9 คน ร่วมกันทุจริตโครงการจ้างเหมาขุดลอกลำน้ำ ต่อมา ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด เพราะพบว่ามีการจัดฉากตั้งบริษัทรับเหมาเพื่อเข้าร่วมประมูลรับงานมากถึง 29 โครงการ ทำใบเสนอราคาเท็จ ยื่นเสนอราคาเท็จ และปลอมลายมือชื่อกรรมการเปิดซองสอบราคา เพื่อใช้เบิกจ่ายเงินงบประมาณ มีการจ่ายเงินทอนคิดเป็นเงินเกือบ 100,000,000 บาท และยังใช้สำนักงาน อบจ.ลำปางเป็นที่แบ่งเงินทุจริต

 

ส่วนผู้รับเหมาที่ทำงานจริงรับเงินแค่ 60% ศาลพิพากษาจำคุกรวม 116 ปี แต่ให้คงจำคุกจริง 50 ปี นอกจากนี้ สุนียังถูกจำคุก 8 ปี จากคดีทุจริตจ้างเหมาถมดินอีก 7 โครงการ และมีคดีฐานยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ ศาลฎีกาสั่งห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปี จำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษ 1 ปี

 

  1. ทุจริตเงินอุดหนุนสมาคมกีฬา โดยอดีตนายก อบจ.พิจิตร ปี 2565 ชาติชาย เจียมศรีพงษ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายก อบจ.พิจิตร ชาติชายกับพวกถูก ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดจากการมีผลประโยชน์ทับซ้อนในการจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดพิจิตร ซึ่งชาติชายดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ นั้นด้วย เมื่อสมาคมฯ มีหนังสือขอรับเงินสนับสนุนจาก อบจ. โดยไม่มีรายละเอียดค่าใช้จ่ายในโครงการประกอบการพิจารณา และชาติชายอนุมัติเบิกจ่ายเงินตลอด 3 ปี เป็นเงินรวม 15,654,115.12 บาท ซึ่งเงินก้อนนี้สมาคมฯ ส่งต่อให้แก่ทีมสโมสรฟุตบอลที่ชาติชายเป็นที่ปรึกษาคือสโมสรฟุตบอลพิจิตรเอฟซี และผู้จัดการสนามสโมสรฟุตบอล ทีทีเอ็ม เอฟซี พิจิตร ศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีคำพิพากษาจำคุก 9 ปี 12 เดือน ปัจจุบันคดียังไม่สิ้นสุด จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ได้

 

  1. ทุจริตจัดซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกายและหนังสือเรียน โดยอดีตนายก อบจ.กำแพงเพชร ปี 2565 จุลพันธ์ ทับทิม อดีตนายก อบจ.กำแพงเพชร ถูก ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดฐานทุจริตจัดซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกาย และศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษาจำคุก 12 ปี คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ได้ ต่อมาปี 2567 ถูก ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีทุจริตจัดซื้อหนังสือและสื่อการเรียนการสอน 3 โครงการ มูลค่ารวม 2,000,000 บาท ด้วยวิธีพิเศษ ฐานละเลยปฏิบัติหน้าที่อันจะเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง คดีนี้หมดอายุความแล้ว

 

  1. ทุจริตจัดซื้อท่อระบายน้ำมิชอบ โดยอดีตนายก อบจ.พะเยา ปี 2561 วรวิทย์ บุรณศิริ อดีตนายก อบจ.พะเยา ถูก ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดจากการจัดซื้อท่อระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็ก งบประมาณ 241,800 บาท เพื่อนำไปใช้แก้ไขปัญหาน้ำท่วมในจังหวัด ต่อมาปี 2564 ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษวรวิทย์ จำคุก 2 ปี และปรับ 40,000 บาท แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี นอกจากนี้ วรวิทย์ยังถูก ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดในคดีทุจริตจัดซื้อต้นกล้ายางพารา เพื่อแจกจ่ายให้กับเกษตรกร 426,250 ต้น งบประมาณ 17,050,000 บาท ปัจจุบันคดีนี้อยู่ในชั้นศาลพิจารณา

 

  1. ทุจริตทำถนน 6 โครงการ โดยอดีตนายก อบจ.นครราชสีมา ปี 2567 นพ.สำเริง แหยงกระโทก อดีตนายก อบจ.นครราชสีมา ถูก ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีทุจริตโครงการก่อสร้างถนนหลายโครงการ โดยศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษาจำคุก 25 ปี ส่วนบริษัทผู้รับเหมา 3 รายถูกปรับรายละ 40,000 บาท โดยกรรมการผู้มีอำนาจลงนามทุกรายโดนโทษจำคุก อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันคดียังไม่สิ้นสุด จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ได้

 

  1. ทุจริตเงินอุดหนุนวัด โดยอดีตนายก อบจ.สมุทรปราการ ปี 2565 ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตนายก อบจ.สมุทรปราการ กับพวก ทุจริตการจัดสรรเงินอุดหนุนวัดในจังหวัดสมุทรปราการ ระหว่างปี 2554-2556 รวม 68 โครงการ งบประมาณรวม 836,129,125 บาท โดยเงินเหล่านี้จะต้องนำไปใช้เพื่อบูรณะบำรุงวัดและเตาเผาศพ แต่กลับมีเงินทอนครึ่งหนึ่งของเงินอุดหนุนที่วัดเหล่านี้ควรจะได้ มูลค่าความเสียหายกว่า 100,000,000 บาท โดย ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดและทำส่งสำนวนให้กับอัยการสูงสุดเพื่อส่งฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตฯ

 

  1. 5 คดีทุจริตโดยอดีตนายก อบจ.สงขลา ระหว่างปี 2551-2552 นวพล บุญญามณี อดีตนายก อบจ.สงขลา กับพวก ถูก ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด

 

เริ่มที่คดีที่ 1 ทุจริตโครงการส่งเสริมพัฒนาสุขภาพประชาชน โครงการตรวจสุขภาพผู้สูงอายุ ด้วยการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ พร้อมชี้มูลความผิดเอกชนที่เป็นสถานพยาบาล ฐานร่วมกันสนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐในการทุจริตต่อการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ปัจจุบันคดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล

 

คดีที่ 2 ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดการสมยอมกันเสนอราคาโครงการจัดซื้อกุ้งก้ามกราม 40 ล้านตัว งบประมาณ 10,000,000 บาท โดยเอื้อประโยชน์แก่ผู้เสนอราคาบางราย คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก 7 ปี

 

คดีที่ 3 ทุจริตการสำรวจออกแบบโครงการก่อสร้างทางหลวงชนบท 30 เส้นทางวงเงินรวม 8,068,000 บาท ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ตัดสินจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา

 

คดีที่ 4 นำรถยนต์ราชการไปจำนำที่บ่อนการพนัน ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 18 ปี 24 เดือน

 

คดีที่ 5 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโครงการจ้างสำรวจและออกแบบถนนลาดยางทางหลวงชนบท ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษาจำคุก 2 ปี มีข้อสังเกตว่าจังหวัดสงขลายังมีคดีทุจริตพัวพันอดีตนายก อบจ. มากกว่าจังหวัดใดในประเทศไทย เมื่อนับรวมอีก 2 ราย คือ นิพนธ์ บุญญามณี และ อุทิศ ชูช่วย

 

  1. ทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพ Care Set โดยอดีตนายก อบจ.ลำพูน ช่วงโรคโควิดระบาดในปี 2563 นิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายก อบจ.ลำพูนในขณะนั้นจัดซื้อชุดของใช้ประจำวันเพื่อแจกผู้สูงอายุ วงเงิน 16,343,000 บาท ต่อมา ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดตามกฎหมายอาญาและกฎหมายฮั้ว จากนั้นยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ จนมีคำพิพากษาในปี 2566 ให้จำคุกเจ้าของบริษัทที่เกี่ยวข้องคนละ 2 ปี ปรับ 120,000 บาท ให้จำคุกรองปลัด อบจ. 3 ปี และร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวน 5,918,769.80 บาท พร้อมดอกเบี้ยให้แก่ อบจ.ลำพูน

 

ส่วนรองนายก อบจ. 2 คน, ปลัด 1 คน และรองปลัด 1 คน ศาลพิพากษาให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี ปรับคนละ 100,000 บาท และให้ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวน 5,918,769.80 บาท พร้อมดอกเบี้ย สำหรับอดีตนายก อบจ.ลำพูน ศาลพิพากษายกฟ้อง ปัจจุบัน ป.ป.ช. กำลังเตรียมการขออุทธรณ์คำพิพากษาต่อไป

 

มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการ ACT เปิดเผยว่า จากผลโพลโดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยในปี 2567 ระบุว่า ประชาชนกว่าร้อยละ 95 รับรู้ว่ามีคอร์รัปชันโกงกินงบประมาณท้องถิ่นใน อบจ. เป็นจำนวนเงินมหาศาล และตามสถิติของ ป.ป.ช. ยังพบว่าคอร์รัปชันในการจัดซื้อจัดจ้างเป็นเรื่องที่มีการร้องเรียนมากที่สุด

 

เฉพาะในปี 2566 ปีเดียวมีการร้องเรียนมากถึง 827 เรื่อง ไม่นับการร้องเรียนอีกจำนวนหนึ่งผ่านหน่วยงานอื่นๆ อีก ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.), กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และศูนย์ดำรงธรรม แต่ข้อมูลทุจริตจัดซื้อจัดจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกลับหายากมาก

 

ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเลขคดีที่ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดหรือศาลตัดสินแล้วกลับพบน้อยมาก หากสืบค้นจากเว็บไซต์ ป.ป.ช. ในช่วงปี 2554-2563 พบข้อมูลแค่ 11 คดี จากนั้นไม่พบการอัปเดตข้อมูลอีกเลย นอกจากนั้นยังพบอีกว่า ช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมามีคดีร่ำรวยผิดปกติน้อยมาก กล่าวคือพบคดีร่ำรวยผิดปกติที่ศาลตัดสินยึดทรัพย์แล้ว 1 คดี และอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีอีกเพียง 2 คดีเท่านั้น

 

ทั้งๆ ที่ระบบ ACTAi (https://actai.co/) แสดงข้อมูลการยื่นบัญชีทรัพย์สินของนักการเมืองต่อ ป.ป.ช. พบว่านายก อบจ. หลายคนมีทรัพย์สินเป็นพันล้านบาท และนายก อบจ. จำนวนมากรวยเกินร้อยล้านบาท ไม่นับรวมความมั่งคั่งของคนในครอบครัว

 

“ตัวเลขอย่างนี้ ผมขอชวนประชาชนช่วยกันถาม ป.ป.ช. และกระทรวงมหาดไทย ว่าพวกท่านคิดอย่างไร สงสัยบ้างไหมว่าทำไมคนไทยทั้งประเทศรู้ว่ามีคอร์รัปชัน แต่พวกท่านไม่รู้จริงหรือ? ทั้งหมดคือความจริงที่ต้องย้ำให้คนไทยตระหนักว่า หากเราปล่อยให้พวกคดโกงชนะการเลือกตั้งครั้งใหญ่ต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้จะเกิดวิกฤตใหญ่ตามมาอย่างไร” มานะกล่าว

 

เมื่อดูจากเรื่องที่สังคมรับรู้และคดีที่มีคนร้องเรียนในแต่ละปีฟันธงเลยว่าส่วนใหญ่รอดและหลายคดีเงียบ เฉพาะการทุจริตจัดซื้อจัดจ้างใน อบจ. เฉพาะ 10 ทุจริตที่ ACT ค้นพบและเผยแพร่นี้ สะท้อนให้เห็นความหลากหลายของกลโกงในการจัดซื้อจัดจ้าง มีทั้งให้บริษัทพรรคพวกหรือคนในครอบครัวมารับงาน, มีการทำเอกสารเท็จ, ปกปิดข้อมูล, ไม่เปิดประมูลทั่วไปแต่เน้นใช้วิธีเฉพาะเจาะจง, ฮั้วประมูล อบจ.เอง, บริหารสัญญาจนรัฐเสียเปรียบ ฯลฯ

 

“ถ้ามองในแง่ของกระบวนการยุติธรรม สะท้อนให้เห็นว่าการพิจารณาคดีคอร์รัปชันใช้เวลานานมาก แม้ศาลตัดสินว่าผิดจริงก็ลงโทษเบา รอลงอาญาก็มาก และเกือบทั้งหมดไม่ยึดทรัพย์คนโกง” มานะกล่าว

 

เมื่อถามว่า มองเห็นทางออกของการตัดห่วงโซ่คอร์รัปชันระหว่างนักการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐ นักธุรกิจฮั้วประมูลหรือทุจริตจัดซื้อจัดจ้างหรือไม่ มานะระบุว่า ทำได้ แต่ต้องอาศัยพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพราะทุกกลโกงย่อมมีช่องโหว่ โดยยกตัวอย่างกรณี ‘อดีตกำนันนก นครปฐม’ ประมูลงานรัฐได้กว่าหมื่นล้านบาท เพราะมีเครือข่ายใหญ่ มีบ้านใหญ่หนุนหลัง ดังนั้นหน่วยงานรัฐอย่างสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ต้องสอบเส้นทางการเงิน แล้วร่วมมือกับหน่วยงานด้านภาษีทั้งกรมสรรพากรและกรมศุลกากร เชิญชวนมาร่วมตรวจสอบ ตัดวงจรเอกชนทุกรายที่เกี่ยวข้อง เช่น ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง, ผู้รับเหมาช่วง, การเสียภาษีรายได้, ภาษีการค้า, ภาษีมูลค่าเพิ่ม, ใครออกและใช้ใบเสร็จปลอม, การซื้อขายวัตถุดิบ, การสต็อกสินค้า, การส่งออกนำเข้าสินค้า และจำนวนลูกจ้าง

 

ขณะที่ อบจ. เอง หากมีเจตนารมณ์ดีในการดูแลคุณภาพชีวิตคนในชุมชน สามารถบริหารงบประมาณแบบเน้นการมีส่วนร่วมกับประชาชน และเปิดเผยข้อมูลให้ทุกคนเข้าถึงได้ หรือที่เรียกว่ากระบวนการจัดทำงบประมาณแบบมีส่วนร่วม (Participatory Budgeting) เป็นต้นว่าแผนการจัดทำโครงการลงทุนของ อบจ. จะทำอะไร ใช้งบประมาณเท่าไร ต้องให้ประชาชนรู้และร่วมตัดสินใจว่าอะไรเกิดประโยชน์ร่วมกัน อะไรฟุ่มเฟือย จะต้องเผยแพร่งบประมาณประจำปี จากนั้นทุก 6 เดือนก็กลับมารายงานว่าทำอะไร ใช้เงินไปจำนวนมากน้อยแค่ไหน

 

มานะกล่าวทิ้งท้ายว่า “สำคัญที่สุดคือประชาชนต้องร่วมปกป้องผลประโยชน์ของท้องถิ่น สอดส่องสิ่งผิดปกติ และอย่าเลือกคนซื้อเสียงให้เขากลับมาถอนทุนคืน”

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X