วันนี้ (21 ธันวาคม) ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมประธานสภาผู้แทนราษฎร ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. หรือร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ โดยมี สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอหลักการและเหตุผลของร่างกฎหมาย
ขณะเดียวกันที่ประชุมยังได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ. ที่มีลักษณะเดียวกันอีก 3 ฉบับ ที่เสนอโดย ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล, สรรเพชญ บุญญามณี สส. จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์, และ อรรณว์ ชุมาพร กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
หลังการอภิปรายพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวหลายชั่วโมงโดย สส. ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล
ต่อมาผู้ที่ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมได้ปิดการอภิปราย และได้ดำเนินการให้ที่ประชุมลงมติในวาระที่ 1 ว่าจะรับหลักการร่างกฎหมายฉบับนี้หรือไม่ สำหรับผลการลงมติคือ
- เห็นด้วย 369 เสียง
- ไม่เห็นด้วย 10 เสียง
- งดออกเสียง – เสียง
- ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง
เป็นอันว่าที่ประชุมเสียงข้างมากมีมติรับหลักการร่างกฎหมายฉบับนี้ ก่อนให้กรรมาธิการพิจารณาในวาระที่ 2-3 ต่อไป
การเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีความหลากหลายทางเพศสามารถสมรสได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย หรือที่รู้จักกันในนามร่างกฎหมาย #สมรสเท่าเทียม เป็นอีกหนึ่งวาระสำคัญที่ถูกผลักดันโดยรัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน และภาคประชาชน
อย่างไรก็ตาม ชวินโรจน์ ธีรพัชรพร ทนายความประเด็นกฎหมายเกี่ยวกับ LGBTQIA+ และกำลังศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้เขียนบทความที่ THE STANDARD (https://thestandard.co/marriage-equality-act-draft-2023…/) ระบุปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นว่า
นับตั้งแต่เริ่มมีการผลักดันกฎหมายรับรองสถานะชีวิตคู่ LGBTQIA+ จนกระทั่งกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ริเริ่มร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต ร่างแรกในปี 2556 จนถึงปัจจุบัน มีปรากฏการณ์ที่น่ายินดีกับพี่น้อง LGBTQIA+ ในรอบทศวรรษคือ
รัฐบาลของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เสนอร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมเป็นครั้งแรก และคณะรัฐมนตรีมีมติรับหลักการเพื่อรอพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร ทั้งที่รัฐบาลก่อนหน้าเสนอแต่ร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต และเคยประกาศคว่ำร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม
ร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมของภาคประชาชนได้รับการพิจารณาเห็นชอบจากประธานสภาผู้แทนราษฎรให้นำไปบรรจุวาระรอพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรก
ร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมของ ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส. พรรคก้าวไกล ได้รับการบรรจุวาระและรอพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง หลังจากร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมฉบับเดิมที่เคยผ่านการพิจารณาวาระแรกตกไปจากการยุบสภาของรัฐบาลก่อน
ร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมเวอร์ชันปี 2566 ทั้ง 3 ร่าง มีหลักการเหมือนกันคือ ขยายสิทธิการสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ป.พ.พ.) มาตรา 1448 และมาตราที่เกี่ยวข้อง จากเดิมจำกัดเฉพาะชายกับหญิง ให้ขยายสิทธิครอบคลุมบุคคลทุกเพศ ทุกอัตลักษณ์ทางเพศ และทุกเพศวิถี โดยมิได้ลดทอนสิทธิหน้าที่ใดๆ ของคู่สมรส บิดา-มารดา ชาย-หญิงทั่วไป ทั้งที่มีอยู่เดิมและในอนาคต การแก้ไข ป.พ.พ. มิได้บังคับการจดทะเบียนสมรสกับประชาชนหรือศาสนิกชนใดๆ และมิได้เข้าไปแก้ไขหลักกฎหมายอิสลามว่าด้วยครอบครัวมรดกของพี่น้องชาวมุสลิม