อเบอร์ดีน (abrdn) มองเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ คาดโตเพียง 0.7% ต่ำกว่าการประมาณการของนักเศรษฐศาสตร์หลายสำนัก เหตุอุปสรรคมากมายรุมเร้า เตือนเงินเฟ้อพื้นฐานอาจลงยาก เหตุตลาดแรงงานยังตึงตัว โดยเฉพาะสหรัฐฯ คาดจีนกลับมาโตโดดเด่นในปีนี้
เจเรมี ลอว์สัน (Jeremy Lawson) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์และหัวหน้าสถาบันวิจัยอเบอร์ดีน กล่าวในงานสัมมนา ‘2023 Global Outlook: Embrace the Perfect Storm’ ซึ่งจัดโดย บลจ.อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) ว่าในปี 2023 เศรษฐกิจโลกมีโอกาสจะเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยต่างๆ ในอดีต
“โดยย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2020 โลกต้องเผชิญกับการระบาดใหญ่ (Pandemic) ทำให้รัฐบาลและธนาคารกลางทั่วโลกต้องกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมหาศาล โดยการเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อเร็วๆ นี้เพิ่มขึ้นด้วย ขณะที่ในปี 2021 ผู้กำหนดนโยบายหลายประเทศก็ทำผิดพลาด เนื่องจากคาดการณ์เงินเฟ้อผิดพลาดไป โดยคิดว่าภาวะเงินเฟ้อสูงจะอยู่แค่ชั่วคราวเท่านั้น ทำให้หลายประเทศใช้นโยบายที่ผ่อนคลายเกินไปและนานเกินไป โดยกว่าจะรู้ตัวเงินเฟ้อก็พุ่งสูงไปแล้ว ทำให้ในปี 2022 ธนาคารกลางต้องเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมีนัยสำคัญ” ลอว์สันอธิบาย
นอกจากนี้ลอว์สันยังกล่าวด้วยว่า จากประวัติศาสตร์บอกเราว่า เมื่ออัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง รัฐบาลก็จำเป็นต้องลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจเพื่อฉุดเงินเฟ้อลง ดังนั้นภาวะถดถอยจึงมีโอกาสเกิดขึ้นมากในปีนี้
โดยอเบอร์ดีนประเมินว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2023 จะโตเพียง 0.7% ซึ่งนับว่าเป็นระดับต่ำกว่าที่หลายสำนักคาดการณ์ไว้ หลังจากขยายตัว 3.1% ในปี 2022 ขณะที่เศรษฐกิจไทยในปี 2023 อเบอร์ดีนคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 3.6% สูงกว่าปี 2022 ที่ขยายตัว 3.3%
ข่าวดี: เงินเฟ้อทั่วไปพีคแล้ว / ข่าวร้าย: เงินเฟ้อพื้นฐานจ่อลงยาก
สำหรับประเด็นเรื่องเงินเฟ้อ ลอว์สันมองว่าเงินเฟ้อทั่วไป (Headline Inflation) ได้แตะจุดพีคแล้ว เนื่องจากราคาพลังงานต่างๆ ยังคงลดลงจากระดับพีคในไม่กี่ปีก่อน นอกจากนี้การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานผ่อนคลายลงเมื่อรวมกับฐานที่สูงในปีก่อน ทำให้เงินเฟ้อทั่วไปน่าจะลดลงในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ลอว์สันประเมินว่า เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อในภาคบริการ มีแนวโน้มว่าจะยังฝังแน่นในเศรษฐกิจต่อไป เนื่องจากตลาดแรงงานยังคงตึงเครียด โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ทำให้การเติบโตของค่าจ้างมีแนวโน้มจะสูงขึ้น
เศรษฐกิจจีนจะกลับมาโตแซงหน้าประเทศอื่นๆ อีกครั้งในปีนี้
ลอว์สันระบุว่า จีนได้สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับโลกด้วยการเปิดประเทศเร็วกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัว และทำให้ตลาดหุ้นพลิกกลับมาสดใสอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งยังคงเป็นเสมือนเพดานสำหรับการเติบโตของเศรษฐกิจอยู่
โดยอเบอร์ดีนประเมินว่า เศรษฐกิจจีนน่าจะขยายตัว 3.6% ในปีนี้ ซึ่งมากกว่าคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลก และประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ที่อเบอร์ดีนคาดว่าจะหดตัว 0.9% ในปีนี้ สภาพยุโรปที่ติดลบ 1.4% และญี่ปุ่นที่น่าจะโตเพียง 0.7%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ความท้าทาย ‘ เศรษฐกิจไทย ปี 2566 ’ กับการปรับตัวของภาคธุรกิจ
- ฉวยจังหวะค่าเงินอ่อน ส่องโอกาสลงทุนหุ้นโลก สร้างพอร์ตเติบโตระยะยาว
- ‘ส่วนต่างรายได้’ กับนโยบายรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ