วันนี้ (16 ธันวาคม) ที่พรรคประชาธิปัตย์ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลสำรวจความคิดเห็นต่อกระแสนิยมทางการเมืองที่พรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนนนิยมเพิ่มขึ้น โดยระบุว่า ผลสำรวจนั้นเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้น ขณะนี้ต้องมุ่งมั่นทำงานต่อไป ทั้งนี้ มองว่าคะแนนที่ตั้งใจเลือกพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากความคาดหวังที่อยากเห็นทางเลือกใหม่ในการเมือง ซึ่งหายไปในช่วงปัจจุบันหรือหลายสิบปีที่ผ่านมา
สำหรับการรักษากระแสนิยมของพรรคที่ดี อภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องชัดเจนมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา ที่ผ่านมาพรรคยังไม่ได้เปิดตัวเรื่องนโยบายผู้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อการสร้างความเชื่อมั่นได้ต่อไป เพื่อให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นทางเลือก และความหวังของประชาชนได้
ส่วนการเปิดตัวผู้สมัคร สส. และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์กล่าวว่า กระบวนการขณะนี้อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็น โดยจะเสร็จสิ้นในวันที่ 19 ธันวาคมนี้ จากนั้นจะให้กรรมการสรรหาดำเนินการต่อ และเมื่อทำเสร็จแล้ว จะเสนอกรรมการบริหารพรรคเพื่อพิจารณาได้สัปดาห์หน้า โดยมั่นใจว่าจะทันพร้อมกับวันเปิดรับสมัครผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. ช่วงวันที่ 27-28 ธันวาคม นี้
ขณะที่บัญชีของผู้ที่พรรคจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีที่จะได้ข้อยุติสัปดาห์หน้า ส่วนรายละเอียดจะเป็นใครบ้างนั้น ขอให้ผ่านที่ประชุมกรรมการบริหาพรรคแล้วจะแจ้งอีกครั้ง
อภิสิทธิ์ยอมรับว่า พรรคอาจส่งผู้สมัคร สส. ทั่วประเทศจำนวนใกล้เคียง 400 คน เพราะบางเขตที่มีผู้เสนอตัว แต่ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบบางเขตที่มีปัญหา และอาจต้องคัดกรองเพิ่มเติม ทั้งนี้ มีไม่กี่เขตที่มีปัญหา หากส่งไม่ครบ 400 เขต ก็ใกล้เคียง
สำหรับอดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ที่ย้ายสังกัด พรรคจะส่งคนลงเลือกตั้งหรือไม่นั้น อภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องแข่งขันตามปกติ เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมืองที่ยึดแนวทางนี้มาตลอด 80 ปี โดยที่ผ่านมาพรรคเปลี่ยนผ่านมาหลายยุค หลายสมัยต้องสร้างคนใหม่ๆ ตลอดเวลา ดังนั้น เมื่อคนเดิมตัดสินใจไปอยู่พรรคอื่น พรรคประชาธิปัตย์มีหน้าที่สร้างคนใหม่ เพื่อเดินหน้าตามแนวทางของพรรคต่อไป
“ไม่มีใครผูกขาดคะแนนเสียงในเขตเลือกตั้งไหนเลยทั่วประเทศ ผมทราบดีกว่าปัจจุบันหากพูดกันในคนการเมือง หรือ ประชาชนบางส่วนอาจบอกว่า เขตเลือกตั้งไม่เกี่ยวกับเรื่องกระแสความนิยมไปเสียแล้ว พูดตรงๆ คือการใช้เงินใช้ทองมากกว่า โดยพวกผมจะต่อสู้เรื่องนี้ เพื่อให้การเมืองกลับมาเป็นเรื่องของความนิยม อุดมการณ์ นโยบาย ตัวบุคคลที่จะเข้าไปทำงาน เพราะหากปล่อยให้สภาพการเมืองปล่อยให้เงินชี้ขาดได้ ผมมองไม่เห็นว่าปัญหาที่สับสนจะแก้ไขอย่างไร ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม”
ส่วนเชื่อว่าจะมีการเลื่อนวันเลือกตั้งปี 2569 ออกไปหรือไม่ อภิสิทธิ์กล่าวว่า เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันและเข้าใจข้อกฎหมายว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้กำหนดเงื่อนไขกรอบเวลาตามรัฐธรรมนูญไว้ก่อนแล้ว แต่ขณะเดียวกันในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเปิดทางกรณีที่มีเหตุจำเป็นอันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องเลื่อนวันลงคะแนนเป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต. ตัดสินใจ
“ดังนั้น ผมทำงานบนสมติฐานว่าจะเป็นไปตามกรอบเวลา ทั้งนี้ ผมเข้าใจได้หากมีเหตุสุดวิสัยจริง เป็นไปตามกฎหมาย และเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องยอมรับ” อภิสิทธิ์ระบุ


