A Constellation Away แสงสว่างของดวงดาวที่เราเห็น อาจจะเป็นภาพลวงตาของอดีตกาล (Henri Dunant)

Henri Dunant อ่านว่า อังรีดูนังต์ เป็นทั้งชื่อถนน และชื่อของวงที่มีสมาชิก 2 คน แม็กซ์-ณัฐวุฒิ เจนมานะ และ ไบรท์-ชัชชล ศรีสมบูรณานนท์ ทั้ง 2 คนมีพื้นฐานดนตรีดีทั้งคู่ เพลงในอัลบั้มนี้เลยได้มาเป็นซาวด์ที่ทันสมัย มีทำนองสวยงาม เนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษ ที่ถ้าไม่รู้จักพวกเขามาก่อน จะไม่นึกว่าเป็นเพลงของวงดนตรีไทยเลยด้วยซ้ำ

A Constellation Away คือชื่ออัลบั้ม แปลว่า กลุ่มดาวอันยาวไกล ดูจากปกอัลบั้มก็พอจะรู้ว่าพวกเขามีความจริงจังกันมากกับเรื่องนี้ การฟังอัลบั้มนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเดินทางไปในอวกาศ ซึ่งพวกเขาซ่อนอะไรไว้ในเพลงให้ค้นหา งานของพวกเขามีพื้นฐานของฝั่งอังกฤษแน่นมาก เป็นอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ธรรมดา ซาวด์ทำออกมาอย่างเท่ๆ ชวนให้นึกถึงวงอย่าง COIN, The Temper Trap, The 1975, Foster the People, Capital Cities, Atlas Genius, Phoenix และ Air

แม็กซ์ทำเพลงแรกของวงที่ชื่อ Nick of Time มาก่อนที่จะโด่งดังในเพลง วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า ของเขา จริงๆ แล้วมันเกิดในยุคใกล้เคียงกัน ซึ่งแม็กซ์มีความชัดเจนของเพลง โดยเขาแยกเพลงที่เป็นโฟล์กป๊อปจะเป็นเพลงในนาม แม็กซ์ เจนมานะ แต่เพลงภาษาอังกฤษและมีดนตรีที่ซับซ้อนกว่าจะเป็นอังรีดูนังต์ เพราะได้ไบรท์มากลั้วซาวด์ให้ เดิม Nick of Time ก็เป็นชื่อวง ซึ่งก็เปลี่ยนมาเป็น The Good Day Ghosts หลังจากนั้นวงก็แตกแยกย้าย กลายเป็น 3 คนและ 2 คนในที่สุด ภายใต้ชื่ออังรีดูนังต์ แม็กซ์เองดังเดี่ยวก่อน แต่ก็ยังทำวงอังรีดูนังต์มาจนถึงวันนี้ ครบ 10 เพลงพอดี

ส่วนผสมของไบรท์ทำให้ทุกอย่างลงตัว เมื่อใส่ซาวด์ลงในเพลงของแม็กซ์ทำให้หน้าตาของเพลงเปลี่ยนไป มีความเฟี้ยว กีตาร์เด่น เบสเดิน คีย์บอร์ดก็คลอตามอย่างสวยงาม พวกเขาเขียนเพลงด้วยกันทั้ง 10 เพลง มี 2 เพลงที่เขียนด้วยนามปากกาว่า Rat Terrier ซึ่งพอเสิร์ชดูเป็นชื่อพันธุ์ของสุนัข คือก็ไม่รู้ว่าเป็นใครหรอก แต่ถ้าให้เดาก็เดาว่าเป็นทีมของค่าย Rats Records ที่พวกเขาสังกัด

Can’t you hear me my friend?

I’m floating here with open arms.

But sometimes I waited.

I’ve got a feeling that I’d get used to this one day.

-52Hz

52Hz เป็นเพลงเปิดอัลบั้ม เนื้อเพลงมีความเหงาแบบเดียวดาย การที่ต้องอยู่คนเดียวและยอมรับว่าจะต้องชินกับมันได้สักวัน เพลงนี้มีแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของโลมาตัวหนึ่ง ที่มีคลื่นเสียงสูงถึง 52 Hertz ต่างจากโลมาทั่วไป มันจึงไม่สามารถติดต่อกับใครไม่ได้ในมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง คอนเซปต์แบบนี้ เขียนเพลงได้แบบนี้จัดว่าลึกมากวงนี้ กีตาร์มีความเฟี้ยว เบสกับคีย์บอร์ดคลอไปได้สวย

เพลงเด่นในอัลบั้มมี Signs กีตาร์คอร์ดสับฉับไว เนื้อเพลงเหมือนติดอยู่ในสถานที่หนึ่งแล้วหาทางออกไม่ได้ แต่มีเธออยู่ข้างๆ แล้วเราจะไปด้วยกัน ทำนองเหมือนลอยคว้างท่ามกลางดวงดาว ฟังแล้วนึกถึงเพลง A Love from Outer Space ของวง Tahiti 80 และเปิดต่อกับ Everything is Everything ของ Phoenix ได้พอดี

เพลงช้าวางต่อกัน 2 เพลง Waves กับ Might Have Been และเราควรวางเพลง Unstoppably ของ วี วิโอเลต ที่แม็กซ์ไปร้องคู่ด้วย คั่นไว้ตรงกลางระหว่าง 2 เพลงนี้ เพราะว่าทำนองของเพลงแรกชวนให้คิดถึง และคำว่า ‘Might Have Been’ ที่ทิ้งไว้ท้ายประโยคในเพลงของวี มันช่างพอดีกับเพลงนี้ของอังรีดูนังต์เหมือนตั้งใจ วิธีการเขียนเนื้อเพลงในอัลบั้มนี้ชวนให้ใช้จินตนาการ ภาษาสลวย เธอฉีกร่างฉันและฝังฉันไว้ เธอมาดั้งคลื่นถาโถม แล้วสิ่งที่ฉันทำได้ก็แค่ลอยตามไป พวกเขาใส่ชื่อเพลงของ Radiohead ในเนื้อเพลงนี้ด้วย ส่วน Might Have Been ขึ้นด้วยเปียโนที่ซาวด์ออกจีนนิดๆ ดนตรีที่ช้าแต่ใส่ความหนักของกีตาร์ไว้ในท่อนกลาง คล้องไปกับเนื้อเพลงท่อนฮุกที่ว่า ท่ามกลางคำโกหกหลอกลวง และในที่สุดเราคงต้องทิ้งมันไป

Maybe I already know.

Maybe I just wonder.

On this road, we’re trying to take it show.

Maybe you already know.

Maybe we gotta let go.

Of what might have been.

-Might Have Been

Constellations คือเพลงที่มองเห็นดวงดาวสว่างไสว และอยากให้มันส่องแสงไปอย่างนั้นเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าสิ่งที่เราเห็นมันดีเลย์มานานหลายปีมาแล้ว เพลงที่มีความเป็นดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาศาสตร์ กลับไปดูปกอัลบั้มอีกทีครับ ความสว่างไสวสีม่วงปนชมพูบนปีกเครื่องบินที่ใช้การไม่ได้แล้ว หากอยากจะดูเครื่องบินเครื่องนี้ให้ดู MV เพลง Peace of Mind เพลงที่พวกเขาใช้เปิดโปรโมตอัลบั้มใหม่ เพลงที่มีอินโทรซาวด์กีตาร์ที่แปลกดี จังหวะสนุกสนาน พอโยกได้เลย

ปิดท้ายอัลบั้มด้วย Forever Young เสียงร้องกับเปียโนกระแทกคอร์ดแรงๆ ใส่เอฟเฟกต์ลอยๆ ฟังให้นึกถึงตอน Keane ทำเพลงปิดอัลบั้มอย่าง Sea Fog ในอัลบั้ม Strangeland สง่างาม เนื้อเพลงว่าด้วยเรื่องของการจากไปก็จากไปด้วยตัวเปล่า มีแค่ชื่อเธอที่ยังคงค้างในจิตใจ และฉันก็ยังเห็นมันอยู่ข้างในนั้นตลอดไป

ฟังรวมๆ อัลบั้มนี้เขียนทำนองได้ดี เรียบเรียงดนตรีได้เนี้ยบ ส่วนเนื้อเพลงมีความเข้าใจยาก (พอๆ กับการเขียนเพลงในแบบของ My Life As Ali Thomas) แต่นั่นคือเสน่ห์ของเพลงภาษาอังกฤษ และแนวเพลงที่ตัดเลี่ยนแนว R&B ที่เกร่ออยู่ทั้งไทยและต่างประเทศในตอนนี้ ฟังแล้วอยากขับรถออกต่างจังหวัดไปดูดาวในที่โล่งๆ สักคืนหนึ่ง