อดัม มอสเซรี ผู้บริหารสูงสุดของ Instagram ประกาศทิศทางรุกสู่ ‘แพลตฟอร์มวิดีโอ’ อย่างเต็มตัว ซึ่งเป็นการขยับจุดขายหลักของ IG ในปัจจุบันที่ผู้ใช้สามารถแบ่งปันรูปถ่ายเพื่ออวดให้กับผู้ติดตามของตน หรือเลือกดูภาพของคนที่ติดตามได้
โดยแผนต่อไปจะมีการเพิ่ม ‘วิดีโอแบบเต็มจอ’ บนหน้าฟีด พร้อมมี Recommended แสดงวิดีโอจากคนที่เรายังไม่ได้กดติดตามอีกด้วย
จุดเปลี่ยนของเส้นทางนี้เกิดจากการแข่งขันที่ดุเดือนในสงคราม Social Media App ในปัจจุบัน ทั้งจาก YouTube เจ้าตลาดแพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์ของ Google และ TikTok แอปฯ สร้างวิดีโอสั้นมาแรง สัญชาติจีน
สองเเพลตฟอร์มนี้นับเป็นคู่เเข่งที่น่ากังวลเป็นอย่างมากสำหรับ Instagram เพราะจากสถิติแพลตฟอร์มที่ใช้ทำการตลาดอินฟลูเอนเซอร์ในปี 2021 พบว่านักการตลาดเลือก YouTube มากถึง 58% รองลงมาเป็น Instagram 55% และ TikTok 35%
แม้ Instagram จะได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 จากนักการตลาดก็ตาม แต่เห็นได้ชัดว่าหาก Instagram ไม่พัฒนาฟีเจอร์วิดีโอของตัวเองให้ทันกับพฤติกรรมของผู้ใช้เเล้วละก็อาจตกอันดับก็เป็นได้ รวมไปถึงอาจถูก TikTok ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดแซงหน้าในสักวัน
อย่างไรก็ดีเมื่อปลายปีที่เเล้ว Instagram ต้านกระเเส ‘Social Video Platforms’ ไม่ไหว จนต้องปล่อย Reels ฟีเจอร์วิดีโอขนาดสั้น ที่ผู้ใช้สามารถสร้างวิดีโอคอนเทนต์ ทำได้ทุกอย่างเสมือนถอดแบบมาจาก Tiktok เลยทีเดียว
ล่าสุดยังได้มีการเปิดเผยอีกว่า Instagram กำลังสร้างฟีเจอร์ Exclusive Stories ที่เปิดให้ผู้ใช้สามารถเผยวิดีโอคอนเทนต์ของตัวเองให้กับผู้ติดตามที่สมัครบริการแบบสมาชิกเท่านั้น
จุดเด่นของ Exclusive Stories เพิ่มเติมคือ สมาชิกไม่สามารถกดบันทึกหน้าจอได้ แต่สามารถเเชร์เป็นไฮไลต์ของตัวเองแทนได้ อีกทั้งคอนเทนต์จะถูกดีไซน์ใหม่ให้เป็นสีม่วง แตกต่างจากคอนเทนต์ทั่วไปของ Instagram
พร้อมกันนี้เมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้บริหาร Instagram เล่าว่าบริษัทกำลัง ‘สำรวจ’ โมเดลธุรกิจแบบจ่ายค่าสมาชิก (Subscription) และฟีเจอร์ใหม่ที่กำลังพูดถึงกันทั่วโลกอย่าง Non-Fungible Token (NFT)
อธิบายง่ายๆ NFT เป็นโทเคนชนิดที่ทดแทนกันไม่ได้ แต่ละโทเคนมีความเฉพาะตัว มีจำนวนจำกัด ทำซ้ำไม่ได้ แต่สามารถซื้อ-ขายถ่ายโอนได้ ทำให้ NFT สามารถใช้แทนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ตั้งใจให้มีชิ้นเดียวในโลก ทั้งนี้ Instagram ยังไม่มีการระบุรายละเอียดอย่างแน่ชัดในเรื่องนี้
อย่างไรก็ดี Instagram ไม่ได้เป็นผู้เล่นเบอร์ใหญ่คนเดียวที่กำลังมุ่งเข้าสู่สนามแพลตฟอร์มสร้างรายได้ (Monetization Strategy) ตัวอย่างแพลตฟอร์มชื่อดังที่ใช้โมเดลการเก็บเงินผู้ติดตามหรือสมาชิกนั้นมีให้เห็นกันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็น OnlyFans แพลตฟอร์มสร้างคอนเทนต์สัญชาติอังกฤษ Patreon แพลตฟอร์มระดมทุนงานศิลปะของฝั่งอเมริกา
หรืออย่างฟีเจอร์ ‘Super Follows’ ที่เพิ่งปล่อยออกมาของฟาก Twitter ขณะเดียวกันยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook ก็เพิ่งเปิดตัว ‘Bulletin’ หนังสือพิมพ์ออนไลน์แบบเก็บค่าสมาชิก มาสู้กับเจ้าแม่ของวงการอย่าง Substack หรือเเม้เเต่แอปฯ สตรีมมิงเพลง Spotify ที่ออกฟีเจอร์ใหม่ ‘Greenroom’ มางัดข้อกับ Clubhouse เช่นกัน
เห็นได้ว่าตลาด Social Media App นี้ ต่างพากันแข่งขันหาช่องทางสร้างรายได้ให้กับเเพลตฟอร์มตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อน ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใดเป็นพิเศษ แต่คาดว่า Instagram ยังคงเดินหน้าพัฒนาระบบหลังบ้านอยู่เงียบๆ ให้สมกับที่ประกาศศักดาว่าจะก้าวมาเป็น ‘เเพลตฟอร์มที่ดีที่สุดของครีเอเตอร์ในระยะยาวให้ได้’
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ
อ้างอิง:
- https://www.cnbc.com/2021/06/30/facebook-tests-changes-to-instagram-would-make-it-more-like-tiktok.html
- https://techcrunch.com/2021/06/30/instagram-is-developing-its-own-version-of-twitters-super-follow-with-exclusive-stories/
- https://www.beartai.com/feature/613851
- https://www.businessofapps.com/data/tik-tok-statistics/