×

XPG – ผลประกอบการ 2Q67 อ่อนตัว

29.08.2024
  • LOADING...

เกิดอะไรขึ้น:

 

บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) รายงานกำไรสุทธิของ 2Q67 ที่ 2 แสนบาท ลดลง 99%YoY และ QoQ โดยรายได้เท่ากับ 169 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 15%YoY แต่ลดลง 21%QoQ) รายได้จากดอกเบี้ยเติบโตได้ 21%YoY และ 10% แต่โดนกดดันด้วยการบันทึกขาดทุนจากเงินลงทุนที่ 38.5 ล้านบาท รวมไปถึงค่าใช้จ่ายบุคลากรที่เพิ่มขึ้นและส่วนแบ่งจาก KTX ที่ไตรมาสนี้เป็นขาดทุน ส่งผลให้ 1H67 กำไรเท่ากับ 51 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 70%YoY) 

 

XPG ปรับประมาณการรายได้ปีนี้ลง 15-20% จากผลประกอบการที่อ่อนแอกว่าคาด และแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่คาดว่าจะค่อยเป็นค่อยไปใน 2H67 รวมไปถึงความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงในตลาดตราสารหนี้ ทำให้ XPG มีการปรับแผนใน 2H67 โดยชะลอการประมูลหนี้ในกลุ่ม AMC เพื่อรอดูราคาและอัตราดอกเบี้ย รวมไปถึงแผนการทำ ICO Portal ใน 2H67 นี้คาดว่าจะเกิดขึ้นเพียง 1 ดีลที่เป็น Private Placement ขนาดเล็ก ขณะที่ดีลขนาดใหญ่จะมีความล่าช้าไปถึงปี 2568 

 

ดังนั้น XPG จึงปรับเป้ารายได้ของปี 2567 ลดลง 15-20% จากเดิมที่ระดับ 1 พันล้านบาท ซึ่งปรับลดในส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการและกำไรจากเงินลงทุนเป็นหลัก โดยคาดว่าส่วนของ Asset Management และ Real Estate Private Equity Fund จะยังสามารถเติบโตได้

 

กระทบอย่างไร:

 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น XPG ปรับลง 6.3% สู่ระดับ 0.89 บาท ขณะที่ SET Index ปรับขึ้น 4.4% สู่ระดับ 1,364.31 จุด 

 

แนวโน้มผลประกอบการปี 2567:

 

InnovestX Research ปรับประมาณการรายได้ของ XPG ในปี 2567 ลง 13% เท่ากับ 781 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 28%) โดยมีสัดส่วนรายได้จากดอกเบี้ย 68% และรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการที่ 26% ขณะที่รายได้จากเงินลงทุนใน 2H67 แม้คาดว่าจะสามารถทำกำไรกลับมาได้แต่ไม่สามารถหักล้างกับขาดทุนที่เกิดขึ้นใน 1H67

 

ดังนั้นหลังปรับประมาณการรายได้คาดกำไรสุทธิที่ 93 ล้านบาท (ลดลง 12%) ลดลงจากประมาณการเดิมที่ 178 ล้านบาท ซึ่งรวมประมาณการค่าธรรมเนียมการทำ ICO แบบ PP ไว้ใน 4Q67 และคาดส่วนแบ่งกำไรจาก KTX จะดีขึ้นใน 2H67 และทำให้ทั้งปี 2567 XPG คาดว่าจะได้ส่วนแบ่ง 33 ล้านบาท (ลดลง 45%) โดยกำไรสุทธิของ 1H67 คิดเป็นสัดส่วน 55% ของประมาณการทั้งปี

 

กลยุทธ์การลงทุนยังคงคำแนะนำ InnovestX Research ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของปี 2567 ที่ 1.80 บาทต่อหุ้น (ลดลงจากเดิมที่ 2.30 บาทต่อหุ้น) โดยใช้วิธี Valuation ด้วย P/BV ที่ 1.6 เท่าจากสมมติฐาน P/BV เฉลี่ยของกลุ่มและ Discount Rate ที่ 10% เพื่อสะท้อนระดับ ROE ที่ต่ำกว่ากลุ่ม โดยให้คำแนะนำที่ ‘ซื้อ’ และคาดว่าทิศทางผลประกอบการของ 3Q67 จะฟื้นตัวได้ QoQ แต่จะลดลง YoY จากศักยภาพการทำกำไรในปีที่ผ่านมาที่ดีกว่า

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือโอกาสการตั้งสำรองหนี้หากเกิดการผิดนัดชำระหนี้อาจสูงขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตต่ำ ข้อกำหนด บทกฎหมายของ Digital Asset ที่อาจเปลี่ยนแปลงในอนาคต

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising