บอร์ด BTS ประกาศตั้งโต๊ะซื้อหุ้น RABBIT และ ROCTEC ที่มี ‘สารัชถ์ รัตนาวะดี’ ร่วมถือหุ้นใหญ่อันดับ 6 พร้อมอนุมัติให้ VGI เพิ่มทุน PP ให้ 4 กองทุน มูลค่ารวมกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท
คงชิเคือง กรรมการบริหาร และรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ BTS แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา มีมติอนุมัติการปรับโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทย่อยและบริษัทร่วม โดยมีมติที่สำคัญ ดังนี้
บอร์ด BTS อนุมัติการปรับโครงสร้างการถือหุ้นใน บมจ.วีจีไอ หรือ VGI โดยมีมติอนุมัติให้ VGI ออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement: PP) จำนวนไม่เกิน 8,805,480,334 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท คิดเป็น 44.03% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ VGI ภายหลังการเพิ่มทุน ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.50 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 13,208,220,501 บาท ให้แก่ผู้ลงทุนจำนวน 4 ราย ดังนี้
- กองทุน CAI Optimum Fund VCC บริหารจัดการโดย Capital Asia Investments Ptd. Ltd. จำนวน 2,900 ล้านหุ้น หรือ 14.50% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ VGI ภายหลังการเพิ่มทุน
- กองทุน Si Suk Alley Limited บริหารจัดการโดย Argyle Street Management Limited จำนวน 2,805.48 ล้านหุ้น หรือ 14.03%
- กองทุน Opus-Chartered Issuances S.A. บริหารจัดการโดย Eyal Agmoni, Andrea Bartelloni, Daniel Maier, Nicola Melizzi, Paolo Perin, Tobias Wenkel จำนวน 2,200 ล้านหุ้น หรือ 11%
- กองทุน Asean Bounty ซึ่งอยู่ระหว่างจัดตั้ง บริหารจัดการโดย Finansia Investment Management จำนวน 900 ล้านหุ้น หรือ 4.50%
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การถือหุ้นของกองทุน Si Suk Alley Limited และกองทุน Asean Bounty ไม่ขัดต่อข้อจำกัดการถือหุ้นของคนต่างด้าวของ VGI จะจัดสรรหุ้นบางส่วนให้กับบริษัทหลักทรัพย์ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ซื้อหลักทรัพย์เบื้องต้น (Initial Purchaser) และบริษัทหลักทรัพย์ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ซื้อหลักทรัพย์เบื้องต้น จะดำเนินการขายหรือโอนหุ้นดังกล่าวให้กับกองทุน Si Suk Alley Limited เพื่อให้กองทุน Si Suk Alley Limited ถือหุ้นดังกล่าวในรูปของใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย (NVDR)
ทั้งนี้ ราคาเสนอขาย 1.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นส่วนลดจากราคาตลาด 4.63% ซึ่งเป็นส่วนลดไม่เกินร้อยละ 10 จากราคาตลาด โดยคำนวณจากราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นสามัญของ VGI ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยย้อนหลัง 7 วันทำการติดต่อกัน ก่อนวันที่คณะกรรมการบริษัทของ VGI จะมีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้พิจารณาและอนุมัติในเรื่องดังกล่าว ซึ่งเท่ากับ 1.57 บาทต่อหุ้น
การออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement: PP) ข้างต้น จะส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ ใน VGI ลดลงจาก 61.13% เหลือเท่ากับ 34.23%
โครงสร้างผู้ถือหุ้นก่อนเพิ่มทุน
โครงสร้างผู้ถือหุ้นหลังเพิ่มทุน
นอกจากนี้ยังมีมติอนุมัติให้ VGI ออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน ครั้งที่ 4 (VGI-W4) จำนวนไม่เกิน 1,119,451,967 หน่วย ซึ่งจะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ VGI ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) โดยไม่คิดมูลค่า
ทำคำเสนอซื้อหุ้น ROCTEC-RABBIT ทั้งหมด
บอร์ด BTS อนุมัติการได้มาซึ่งหลักทรัพย์ของ บมจ.ร็อคเทค โกลบอล หรือ ROCTEC โดยการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดโดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไขก่อนทำคำเสนอซื้อ (Conditional Voluntary Tender Offer) โดยบริษัทฯ และ/หรือ บริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัดส่วน 100% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัทย่อย โดยหลักทรัพย์ที่จะเสนอซื้อ ได้แก่ หุ้นสามัญทั้งหมดของ ROCTEC จำนวน 6,716 ล้านหุ้น (ไม่รวมหุ้นสามัญที่บริษัทฯ ถืออยู่) คิดเป็น 82.74% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ ROCTEC ในราคาเสนอซื้อหุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 6,716 ล้านบาท
ปัจจุบัน ROCTEC (เดิมคือ MACO ทำสื่อโฆษณากลางแจ้ง) เป็นผู้ให้บริการด้านการวางงานระบบครบวงจรที่มุ่งเน้นในหลากหลายภาคส่วน โดยมีความเชี่ยวชาญในการนำเสนอโซลูชันที่นำสมัย ได้แก่ ระบบการสื่อสารในอุตสาหกรรมรถราง ระบบโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายข้อมูล ความปลอดภัยทางไซเบอร์ ฮาร์ดแวร์และระบบจอดิจิทัลแสดงผล และการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงนวัตกรรม ซึ่งมีความมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจให้ครอบคลุมขอบเขตการบริการทั้งหมด ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การออกแบบ การจัดหา การวางระบบแผนงาน การติดตั้ง ไปจนถึงการซ่อมบำรุง
ทั้งนี้ จากการรายงานของเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ รายงานว่า สารัชถ์ รัตนาวะดี ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF โดยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 6 ใน ROCTEC ด้วยสัดส่วนหุ้น 4.89%
พร้อมทั้งอนุมัติการได้มาซึ่งหลักทรัพย์ของ บมจ.แรบบิท โฮลดิ้งส์ หรือ RABBIT โดยการทำ Conditional Voluntary Tender Offer โดยบริษัทฯ และ/หรือ บริษัทย่อย โดยหลักทรัพย์ที่จะเสนอซื้อ ได้แก่
- หุ้นสามัญทั้งหมดของ RABBIT จำนวน 5,481,004,623 หุ้น (ไม่รวมหุ้นสามัญที่บริษัทฯ ถืออยู่) คิดเป็น 17.23% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ RABBIT
- หุ้นบุริมสิทธิทั้งหมดของ RABBIT จำนวน 8,109,121,267 หุ้น (ไม่รวมหุ้นบุริมสิทธิที่บริษัทฯ และบุคคลที่แสดงเจตนาไม่ขายหุ้นบุริมสิทธิในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ถืออยู่) คิดเป็น 25.49% ในราคาเสนอซื้อหุ้นละ 0.60 บาท คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 8,154,075,534 บาท
โดย RABBIT ประกอบธุรกิจพัฒนาและลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ธุรกิจประกันชีวิต บริหารสินทรัพย์ และหลักทรัพย์จัดการกองทุน รวมทั้งลงทุนในกิจการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเงิน
โดยมูลค่าของหุ้นของ ROCTEC และ RABBIT ที่จะได้มาจากธุรกรรมครั้งนี้จะมีมูลค่าสูงสุดไม่เกินประมาณ 14,870.60 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย มูลค่าของสิ่งตอบแทนจากธุรกรรม ROCTEC ไม่เกินประมาณ 6,716.52 ล้านบาท และมูลค่าของสิ่งตอบแทนจากธุรกรรม RABBIT ไม่เกินประมาณ 8,154.07 ล้านบาท
บริษัทฯ คาดว่าธุรกรรม ROCTEC แล RABBIT จะทำให้บริษัทฯ มีอำนาจควบคุม ROCTEC ซึ่งจะทำให้ ROCTEC สนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่บริษัทฯ ส่วนธุรกิจของ RABBIT บริษัทมองว่าจะเป็นธุรกิจที่สามารถเพิ่มผลตอบแทนให้แก่บริษัทฯ ในระยะยาวได้
โดยบริษัทฯ จะใช้แหล่งเงินทุนจากวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินในการชำระค่าหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นของ ROCTEC และ RABBIT ที่ตอบรับคำเสนอซื้อ ซึ่งบริษัทฯ มีแผนที่จะนำเงินเพิ่มทุนที่ได้จากการออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ไปชำระคืนเงินกู้ยืมให้แก่สถาบันการเงิน
เพิ่มทุน RO ขาย 2,926 ล้านหุ้น ราคา 4.50 บาท
BTS อนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) จำนวน 2,926.14 ล้านหุ้น ในอัตราการจัดสรร 4.5 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 4.50 บาท และกำหนดระยะเวลาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในวันที่ 17-18 ตุลาคม 2567, 21-22 ตุลาคม 2567 และ 24 ตุลาคม 2567 (รวม 5 วันทำการ) โดยกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ในวันที่ 16 สิงหาคม 2567
โดยบริษัทฯ จะนำเงินทุนที่ได้รับจากการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ไปใช้เป็นแหล่งเงินทุนในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ ROCTEC และ RABBIT และเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัทฯ และ/หรือ บริษัทย่อย