เกิดอะไรขึ้น:
หลังการประชุมที่งาน Opportunity Day บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง (THANI) คาดว่า Credit Cost จะลดลงสู่ 1.3-1.4% ในปี 2567 (เทียบกับ 1.33% ใน 1Q67) โดยจะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ ในช่วงที่เหลือของปีนี้
InnovestX Research ปรับประมาณการ Credit Cost ปี 2567 ลดลง 25 bps สู่ 1.5% (ยึดหลักความระมัดระวังมากกว่าเป้าของบริษัทเล็กน้อย) ลดลง 50 bps จาก 1.95% ในปี 2566 ราคารถบรรทุกมือสองยังไม่มีความแน่นอน แม้ว่าดูเหมือนจะทำจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยราคาปรับตัวลดลง 1.6%MoM และ 23%YoY ในเดือนเมษายน สต็อกรถยึดยังอยู่ในระดับทรงตัว QoQ ที่ ~300 คัน จำนวนรถยึดอยู่ที่ 110-120 คันต่อเดือน เทียบกับค่าเฉลี่ย 120-130 คันต่อเดือนในปี 2566 บริษัทคาดว่าจำนวนรถยึดจะลดลงใน 2Q67 อัตราขาดทุนจากรถยึดอยู่ที่ 27-28%
ด้านสินเชื่อจะหดตัวลง THANI ปล่อยสินเชื่อใหม่ 4 พันล้านบาทใน 1Q67 ต่ำกว่าเป้าที่บริษัทวางไว้ที่ 2.0 หมื่นล้านบาทในปี 2567 (ต่ำกว่า 2.46 หมื่นล้านบาทในปี 2566) ซึ่งสะท้อนถึงนโยบายปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้นและความต้องการรถบรรทุกที่ชะลอตัวลง ยอดขายรถบรรทุกใหม่ลดลงแรง 41%MoM และ 60%YoY ในเดือนเมษายน สะท้อนถึงการปรับตัวลดลง 35% ใน 4M67
InnovestX Research คงประมาณการยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ในปี 2567 ไว้ว่าจะหดตัวลง 8% (เทียบกับเพิ่มขึ้น 1% ในปี 2566) สู่ 4.95 หมื่นล้านบาท สอดคล้องกับเป้าของบริษัทที่ ~5 หมื่นล้านบาท THANI หวังว่าการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐจะช่วยกระตุ้นความต้องการสินเชื่อ
NIM มีแนวโน้มลดลง โดยคาดว่า NIM จะลดลง 33 bps ในปี 2567 อันเป็นผลมาจากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจาก 2.85% ในปี 2566 สู่ 3.35% ในปี 2567 ผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อจะได้รับแรงกดดันจากการเปลี่ยนมาเน้นปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกใหม่เพิ่มมากขึ้นเพื่อควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ THANI ปรับอัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกใหม่เพิ่มขึ้น 20-30 bps เพื่อรักษาผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อไว้
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น THANI ปรับขึ้น 1.74% สู่ระดับ 2.34 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 2.38% สู่ระดับ 1,337.32 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2567:
InnovestX Research ปรับประมาณการกำไรปี 2567 เพิ่มขึ้น 5% เพื่อสะท้อนการปรับประมาณการ Credit Cost ลดลง โดยปัจจุบันคาดว่ากำไรปี 2567 จะเพิ่มขึ้น 4% เนื่องจากแม้ว่าสินเชื่อจะหดตัวลง 8% และ NIM จะลดลง 33 bps แต่จะถูกชดเชยโดย Credit Cost ที่ลดลง 50 bps Dilution Effect จากหุ้นปันผล (10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล) ทำให้คาดว่า EPS ปี 2567 จะลดลง 5% สำหรับ 2Q67 คาดว่ากำไรจะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ แต่จะลดลง 20%YoY ซึ่งเป็นผลมาจากสินเชื่อที่หดตัวลง NIM ที่ลดลง และ Credit Cost ในระดับทรงตัว
กลยุทธ์และคำแนะนำการลงทุน ยังคงคำแนะนำ Neutral โดยปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นสู่ 2.5 บาท (อ้างอิง P/BV ปี 2567 ที่ 1.1 เท่า)
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ:
- ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึงและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
- ขาดทุนจากการผิดนัดชำระหนี้ที่สูงขึ้น เนื่องจากราคารถบรรทุกมือสองลดลง
- ความเสี่ยงขาลงต่อการเติบโตของสินเชื่ออันเป็นผลมาจากยอดขายรถบรรทุกที่ลดลง
- ความเสี่ยง ESG จาก Market Conduct
ภาพ: Best Auto Photo / Shutterstock