เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2566 บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) รายงานกำไรสุทธิ 2Q66 จำนวน 1.85 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 3%QoQ, ทรงตัว YoY) เป็นไปตามคาด NII และ Credit Cost ที่ดีกว่าคาดถูกหักล้างโดยรายได้ค่าธรรมเนียมและ Opex ที่แย่กว่าคาด
รายการสำคัญ:
- คุณภาพสินทรัพย์: NPL เพิ่มขึ้น 7.9%QoQ โดยอัตราส่วน NPL เพิ่มขึ้น 6 bps QoQ สู่ 2.2% จากสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อจำนำทะเบียน อย่างไรก็ตาม Credit Cost ลดลง 12 bps QoQ สู่ 0.11% ใน 2Q66 ต่ำกว่าคาดและประมาณการปี 2566 ที่ 0.25% LLR Coverage ลดลงจาก 248% ณ 1Q66 สู่ 224% ณ 2Q66 ทั้งนี้ ยังคงประมาณการ Credit Cost ปี 2566 ไว้ที่ 0.25%
- การเติบโตของสินเชื่อ: แข็งแกร่งกว่าคาด เพิ่มขึ้น 4.7%QoQ, 13.4%YoY และ 5.2%YTD หลักๆ เกิดจากสินเชื่อธุรกิจ (เพิ่มขึ้น 22%QoQ, 48.7%YoY, 26.5%YTD) และสินเชื่อจำนำทะเบียน (เพิ่มขึ้น 3.7%QoQ, 18.8%YoY, 8.2%YTD) แม้ว่ามีการหดตัวของสินเชื่อเช่าซื้อ (ลดลง 0.6%QoQ, 0.3%YoY, 1.3%YTD) สินเชื่อ SMEs (ลดลง 2.3%QoQ, เพิ่มขึ้น 33.7%YoY, ลดลง 11.1%YTD) และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (ลดลง 3.4%QoQ, 13.2%YoY, 5.9%YTD) ส่วนปี 2566 ยังคงประมาณการการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่ 8%
- NIM: ดีกว่าคาด โดยเพิ่มขึ้น 17 bps QoQ (ลดลง 4 bps YoY) ผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น 34 bps QoQ (เพิ่มขึ้น 56 bps YoY) ขณะที่ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 20 bps QoQ (เพิ่มขึ้น 74 bps YoY)
- Non-NII: ลดลง 4%QoQ (ลดลง 9%YoY) โดยเกิดจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง (ลดลง 9%QoQ, 1%YoY) ขณะที่กำไรจากเครื่องมือทางการเงินเพิ่มขึ้น
- อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้: แย่กว่าคาด โดยเพิ่มขึ้น 96 bps QoQ (เพิ่มขึ้น 356 bps YoY) สู่ 50.26% เนื่องจาก Opex เพิ่มขึ้น 4%QoQ (เพิ่มขึ้น 12%YoY)
กระทบอย่างไร:
วันที่ 13 กรกฎาคม ณ 12.30 น. ราคาหุ้น TISCO ปรับเพิ่มขึ้น 0.78%DoD สู่ระดับ 96.75 บาท ขณะที่ SET Index ทรงตัว DoD อยู่ที่ระดับ 1,491.11 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2566:
InnovestX Research คาดว่ากำไร 3Q66 จะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ และเพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY ส่วนปี 2566 คาดว่ากำไรจะเติบโต 2% โดยเกิดจากสินเชื่อที่เติบโต 8%NIM ในระดับทรงตัว Credit Cost ที่ลดลง 9 bps และ Non-NII ที่ลดลง 3%
อย่างไรก็ดี หลังจากราคาหุ้นปรับตัวลดลง 7% จากจุดสูงสุด YTD จึงปรับเรตติ้งสำหรับ TISCO ขึ้นสู่ Outperform และปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นจาก 105 บาท สู่ 108 บาทต่อหุ้น (1.9 เท่าของประมาณการ BVPS ปี 2567) เนื่องจากปรับปีฐานที่ใช้ประเมินราคาเป้าหมายเป็นปี 2567 ขณะที่ผลตอบแทนจากเงินปันผลดูน่าสนใจที่ 8.2% สำหรับปี 2566
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเงินเฟ้อสูง เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และตลาดทุนผันผวน