เมื่อเร็วๆ นี้ Bloomberg ได้จัดทำ MLIV Pulse Survey โดยมีผู้ร่วมเซอร์เวย์ 352 คน ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ร่วมตอบแบบสอบถาม แสดงความมั่นใจในหุ้นของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ อย่างหุ้น Berkshire Hathaway Inc. จะเป็นหนึ่งในหุ้นที่เอาชนะตลาดรวมได้ในการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยรอบนี้
นอกจากนี้นักลงทุนยังมองหุ้น Defensive หรือหุ้นที่มีความทนทานในทุกสภาพตลาดทั้งตลาดขาขึ้นและขาลงปันผล และหุ้นญี่ปุ่นอีกด้วย
Bloomberg รายงานโดยอ้างอิงผลสำรวจ MLIV Pulse Survey ซึ่งจัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 24-28 เมษายนที่ผ่านมา และมีผู้ร่วมเซอร์เวย์จำนวน 352 คน ซึ่งผลสำรวจพบว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ ทั้งที่เป็นนักลงทุนรายบุคคลและนักลงทุนสถาบัน รับรู้ถึงความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ และแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งความกังวลต่อความเสี่ยงนี้ทำให้บรรดานักลงทุนหันเรดาร์เข้าสู่หุ้น Defensive ตามรอยนักลงทุนผู้เป็นตำนานที่ยังมีชีวิตอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์
ผลสำรวจพบว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและนักลงทุนรายย่อยมองว่า หุ้นของบริษัท Berkshire Hathaway Inc. มีมูลค่าราคาสูงเป็นกอบเป็นกำ และต่างเดิมพันว่า กลุ่มบริษัทดังกล่าวจะมีผลประกอบการดีกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ร่วมเซอร์เวย์มั่นใจว่า ผลตอบแทนของบริษัท Berkshire Hathaway ในอีก 5 ปีข้างหน้า จะสูงกว่าดัชนี S&P 500
นอกจากนี้ผู้ร่วมเซอร์เวย์ยังคงเชื่อมั่นในความกล้าหาญในการลงทุนระดับตำนานของบัฟเฟตต์ หลังจากที่บรรดานักเศรษฐศาสตร์ต่างฟันธงว่า มีโอกาสสูงถึง 65% ที่สหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2024 ซึ่งเป็นสภาวการณ์ที่เหมาะกับสไตล์การลงทุนของบัฟเฟตต์
ผู้ร่วมเซอร์เวย์คาดว่า หุ้น Defensive จะมีราคาดีกว่าหุ้นเทคโนโลยีในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ซึ่งมุมมองนี้จะส่งผลดีต่อหุ้น Berkshire เนื่องจากบัฟเฟตต์มีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงหุ้นประเภทหลัง (หุ้นเทคโนโลยี) ในแง่ของการประเมินมูลค่าที่สูงเกินไป
นอกจากนี้นักลงทุนยังมองว่า ในหุ้น Berkshie ยังมีค่าพรีเมียมของบัฟเฟตต์ที่สะท้อนอยู่ โดยเกือบ 2 ใน 3 ของผู้ร่วมเซอร์เวย์เชื่อว่า ค่าพรีเมียมนั้นสูงถึง 10% ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลทางสถิติที่พบว่า หุ้นของ Berkshire คืนผลตอบแทนแบบทบต้นที่ 9.5% ต่อปีจนถึงไตรมาสแรกนับจากช่วงเปลี่ยนสหัสวรรษ ซึ่งชนะผลตอบแทน 6.5% ของดัชนี S&P
และเมื่อไม่นานมานี้ บัฟเฟตต์เพิ่งไปเยือนญี่ปุ่นเพื่อเพิ่มผลตอบแทนของ Berkshire ซึ่งผู้ร่วมเซอร์เวย์ราว 59% เห็นด้วยกับบัฟเฟตต์ว่า หุ้นญี่ปุ่นยังมีคุณค่าเพิ่มและจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าหุ้นสหรัฐฯ
ทั้งนี้ หุ้นญี่ปุ่นให้อัตราผลตอบแทนกำไรในอนาคตที่ 5.8% เทียบกับประมาณ 5.3% ในดัชนี S&P
นอกจากนี้หุ้นสหรัฐฯ ยังเผชิญกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ในขณะที่หุ้นญี่ปุ่นมีต้นทุนการกู้ยืมที่ต่ำ เนื่องจากการกำหนด Yield Curve Control ของ BOJ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ไขคำตอบ…ทำไม หุ้นเวียดนาม ดิ่งเกือบจะหนักสุดของโลก ล้างภาพดาวรุ่งแห่งเอเชีย
- จับตา! หุ้นฮ่องกง ดีดกลับจริงหรือแค่ชั่วคราว หลังผู้นำจีนส่งสัญญาณหนุนตลาดหุ้นอีกครั้ง
- ส่อง 9 ตลาดหุ้นเอเชีย ‘อินโดนีเซีย’ แชมป์เงินไหลเข้ามากสุด และเป็นตลาดหนึ่งเดียวที่ยืนบวก
อ้างอิง: