คืบหน้าไปอีกขั้นสำหรับการที่ AIS ประกาศเข้าซื้อ 3BB และหน่วยลงทุนใน JASIF คิดเป็นมูลค่ากว่า 3.24 หมื่นล้านบาท ซึ่งล่าสุดผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ของ JAS ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ‘เห็นด้วย’ สำหรับการขายในครั้งนี้
บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (มหาชน) หรือ JAS ได้รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 23 กันยายนว่า ผู้ถือหุ้น 97.2052% จากจำนวนหุ้นของผู้ถือหุ้นที่เข้าร่วมประชุม และมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในวาระนี้เท่ากับ 5,297,976,587 หุ้น ได้โหวตเห็นด้วยในการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อยและกิจการที่เกี่ยวข้อง
เมื่อวันที่ 5 กันยายน JAS รายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระสำหรับดีลดังกล่าวว่า นอกจากจะได้รับเงินสด 3.24 หมื่นล้านบาทแล้ว หนี้ของ 3BB อีก 7.4 หมื่นล้านจะไม่อยู่ในงบการเงินอีกต่อไป ทำให้สถานะทางการเงินแข็งแกร่งขึ้น หนี้สินต่อทุนจะลดลงจาก 20 เท่า เหลือเพียง 0.5 เท่า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ส่องดีล ‘แอดวานซ์’ ทุ่ม 3.2 หมื่นล้านบาท ซื้อ 3BB และ JASIF จาก ‘จัสมิน’ ใครได้ใครเสีย
- ควบรวม TRUE-DTAC และ AIS-3BB ผูกขาด ค่าบริการพุ่ง?
- ‘เจ้าของสุกี้ตี๋น้อย’ ยืนยัน ‘ไม่ขายกิจการ’ มีเพียงการเจรจาเพื่อหาความร่วมมือเท่านั้น
ในอนาคตอุตสาหกรรมโทรคมนาคมจะก้าวเข้าสู่ ‘อุตสาหกรรมโทรคมนาคมใหม่’ มีการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางด้านการแข่งขันอย่างมากจากแนวโน้ม Fixed-Mobile Convergence ซึ่งการที่ธุรกิจให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้ประกอบธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่มีความยากลําบากในการแข่งขัน
การที่จะแข่งได้นั้นต้องทำหลายทาง ทั้งหาผู้ร่วมทุนซึ่งมีข้อจำกัดด้านกฎและระเบียบอยู่ ซึ่งทำให้การหาทุนจากต่างประเทศเข้ามาแทบเป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้ สภาวะเศรษฐกิจถดถอยซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ทําให้การหาแหล่งเงินทุนระยะยาวที่มีต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสมเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากเช่นกัน
ความคืบหน้าดังกล่าวจะทำให้ AIS เข้าใกล้ความเป็นจริงที่จะขยับเข้ามาหายใจรดต้นคอผู้นำตลาดอย่าง TRUE ซึ่งจะแข็งแกร่งขึ้นจากส่วนแบ่งการตลาดฐานลูกค้าที่จะเพิ่มขึ้นจาก 15% เป็น 35% ส่วน TRUE เป็นผู้นำที่มีส่วนแบ่ง 38%
บล.หยวนต้า ประเมินว่า หากการซื้อกิจการประสบความสำเร็จในระยะยาว จะเห็นผลบวกในด้านธุรกิจด้วย จะทำให้ AIS มีรายได้ฟิกซ์บรอดแบนด์ที่ระดับ 2.65 หมื่นล้านบาทต่อปี ก้าวขึ้นมาใกล้เคียง TRUE ที่มีรายได้จากธุรกิจบรอดแบนด์ราว 2.66 หมื่นล้านบาทในปี 2564
แม้ฐานลูกค้าจะน้อยกว่า แต่ AIS มี ARPU (Average Revenue Per User หรือ รายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ 1 คนต่อเดือน) ที่สูงกว่า ดังนั้นจึงมีโอกาสที่ AIS จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดบรอดแบนด์ในระดับเดียวกับ TRUE ทันที และมีโอกาสแซงหน้าหากปรับปรุง ARPU ของลูกค้าเดิมให้เพิ่มขึ้นได้
ส่วน บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า ดีลดังกล่าวช่วยให้บริการบรอดแบนด์ของ AIS มีความครอบคลุมมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันการให้บริการของ 3BB ส่วนใหญ่กระจายอยู่ในต่างจังหวัด ขณะที่บริการของ AIS ส่วนใหญ่อยู่ใน กทม. และเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด
และช่วยเพิ่มกระแสเงินสดจากเงินปันผลรับการเข้าเป็นผู้ถือหุ้น 19% ใน JASIF จะทําให้ได้รับเงินปันผลเข้ามาสม่ำเสมอ แม้การซื้อจะใช้แหล่งเงินทุนจากเงินกู้ยืมระยะยาว แต่คาดจะมีต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายไม่เกิน 3.5% หรือมีภาระดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นราว 1.1 พันล้านบาทต่อปี แต่คาดหวังจะชดเชยได้ด้วยปันผลจาก JASIF ปีละ 1.1-1.4 พันล้านบาท