ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เปิดเผยว่า การบุกโจมตียูเครนของรัสเซีย ส่งผลให้โรงพยาบาลและสถาบันทางการแพทย์เกือบ 400 แห่งถูกทำลาย และทำให้แพทย์ต้องรักษาผู้ป่วย เช่น โรคมะเร็ง โดยไม่มียาและไม่สามารถทำการผ่าตัดได้
โดยหลายพื้นที่ทางตะวันออกและตอนใต้ของยูเครนที่ตอนนี้กำลังกลายเป็นสนามรบหลัก ซึ่งกองทัพรัสเซียพยายามบุกยึด ปรากฏว่าการรักษาผู้ป่วยนั้นเป็นไปอย่างลำบาก และขาดแคลนแม้แต่ยาปฏิชีวนะพื้นฐาน
การเปิดเผยของเซเลนสกี มีขึ้นระหว่างที่เขากล่าวถ้อยแถลงผ่านทางวิดีโอ ต่อหน่วยงานการกุศลด้านการแพทย์แห่งหนึ่ง ซึ่งเซเลนสกียืนยันว่า ในหลายพื้นที่ซึ่งถูกกองทัพรัสเซียเข้ายึดครองนั้น สถานการณ์อยู่ในขั้น ‘หายนะ’
“หากคุณพิจารณาแค่โครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์ จนถึงวันนี้ กำลังทหารรัสเซียได้ทำลายหรือสร้างความเสียหายแก่สถาบันการแพทย์ต่างๆ เกือบ 400 แห่ง ซึ่งรวมทั้งโรงพยาบาล แผนกสูติกรรม และคลินิกผู้ป่วยนอก”
ทั้งนี้ กรณีที่รัสเซียถูกประณามจากนานาชาติ เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลแม่และเด็กแห่งหนึ่งในเมืองมาริอูโปล ที่ถูกทำลายไปเมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา โดยรัสเซียตอบโต้ว่าเป็นการจัดฉาก และอ้างว่าโรงพยาบาลดังกล่าวถูกใช้เป็นที่ซ่อนตัวของทหารยูเครน
ขณะที่รัฐบาลเครมลินยืนยันว่า กองทัพรัสเซียพุ่งเป้าโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหารหรือจุดยุทธศาสตร์ และจะไม่โจมตีพลเรือน ซึ่งสวนทางกับข้อมูลที่ทางยูเครนเปิดเผยในรายงานประจำวันเกี่ยวกับจำนวนพลเรือนที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการโจมตีของรัสเซีย
โดยยูเครนกล่าวหาว่า รัสเซียนั้นก่ออาชญากรรมสงครามด้วยการสังหารพลเรือน ซึ่งรัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด
ภาพ: Photo by DoÄukan Keskinkilic/Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง:
